บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ Easy E-Receipt เพื่อสนับสนุนให้เกิดการบริโภคภายในประเทศในช่วงต้นปี 2568 โดยผนึกห้างร้านในเครือเซ็นทรัล รีเทล มากกว่า 3,000 สาขาทั่วประเทศ อาทิ ท็อปส์, โก โฮลเซลล์, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, ซูเปอร์สปอร์ต, ร้านค้าในเครือเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG), ไทวัสดุ, เพาเวอร์บาย, ออฟฟิศเมท, บีทูเอส, โรบินสัน
ไลฟ์สไตล์, ท็อปส์แคร์, ท็อปส์ วีต้า และเพ็ทแอนด์มี จัดโปรโมชั่นแรงสุดคุ้มเมื่อช้อปสินค้าและบริการ ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ตามเงื่อนไข ระหว่างวันที่ 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568 พร้อมทั้งนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท ตามมาตรการ Easy E-Receipt ได้อีกด้วย
ปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เซ็นทรัล รีเทล ในฐานะผู้นำค้าปลีกและค้าส่งชั้นนำของไทย ที่มีธุรกิจในเครือครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มฟู้ด กลุ่มแฟชั่น กลุ่มฮาร์ดไลน์ กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ และกลุ่มเฮลธ์แอนด์เวลเนส พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปี 68 ให้เติบโต ล่าสุดเซ็นทรัล รีเทล และธุรกิจในเครือมากกว่า 3,000 สาขา ได้ตอบรับมาตรการ Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษีปี 2568 สูงสุดรวม 50,000 บาท ที่รัฐบาลได้เห็นชอบออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1 ของปี โดยมองว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถปลุกกระแส และสร้างบรรยากาศการใช้จ่ายในประเทศให้คึกคัก ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวและมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้นได้ถึง 70,000 ล้านบาท ตามที่ภาครัฐตั้งเป้าไว้ เนื่องจากยังเป็นช่วงไฮซีซั่นของการช้อปปิ้งที่ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยตามเทศกาลต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ เทศกาลปีใหม่ วันเด็ก ตรุษจีน หรือวาเลนไทน์ ฯลฯ โดยในปีที่ผ่านมาช่วงของโครงการ Easy E-Receipt สามารถสร้างยอดขายภาพรวมให้กับเซ็นทรัล รีเทล เพิ่มขึ้นกว่า 40% ทำให้มั่นใจได้ว่าการเข้าร่วมโครงการในปีนี้จะได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากลูกค้า เพราะทุกธุรกิจในเครือได้อัดโปรโมชั่นให้กับลูกค้าในช่วงมาตรการนี้แบบ ‘ได้แล้วได้อีก’ โดยเซ็นทรัล รีเทล มองว่าจะเป็นการช่วยอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยได้โดยตรง”
โดยสิทธิประโยชน์ ‘ช้อปคุ้ม 3 ต่อ’ ที่ลูกค้าจะได้รับ
ประกอบด้วย
ต่อที่ 1 ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท ตามมาตรการ Easy E-Receipt เมื่อช้อปห้างร้านในเครือเซ็นทรัล
รีเทล ที่ออกใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ e-Tax
Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากร
ต่อที่ 2 โปรโมชั่นจัดเต็มจากธุรกิจในเครือเซ็นทรัล รีเทล ที่พร้อมออนท็อปความคุ้มค่า
เอาใจนักช้อป อาทิ
ต่อที่ 3 รับสิทธิประโยชน์เพิ่มจากการสะสมและแลกพอยท์
The 1 และบัตรเครดิตที่ร่วมรายการกว่า 15 บัตร อาทิ บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน,
บัตรเครดิตกสิกรไทย, บัตรเครดิต CardX,
บัตรเครดิตเคทีซี, บัตรเครดิตยูโอบี เป็นต้น (โปรดตรวจสอบเงื่อนไข
ณ จุดขาย)
สำหรับการเข้าร่วมโครงการ Easy E-Receipt ในปี 2568 เซ็นทรัล รีเทล และห้างร้านในเครือ
พร้อมให้บริการและอำนวยความสะดวกในการดำเนินการเหมือนเช่นเคย เมื่อซื้อสินค้าทั้งรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์
ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568 สามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
สูงสุด 50,000 บาท โดยลูกค้าจะต้องขอใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax
Invoice) ตามมาตรการของรัฐ เพียงแค่ยื่นใบเสร็จและบัตรประชาชนที่จุดบริการลูกค้า
โดยสามารถลดหย่อนภาษีได้ ดังนี้
1. ลดหย่อนตามที่จ่ายจริง
แต่ไม่เกิน 30,000 บาท เมื่อซื้อสินค้าหรือบริการที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
โดยต้องมีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice) แบบเต็มรูปเป็นหลักฐาน หรือผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
โดยต้องมีใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เป็นหลักฐาน
2.
ลดหย่อนเพิ่ม แต่ไม่เกิน 20,000 บาท เมื่อซื้อสินค้าและบริการเหล่านี้
โดยต้องมี e-Tax
Invoice แบบเต็มรูป หรือ e-Receipt เป็นหลักฐาน
ได้แก่
2.1 ค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
(OTOP) ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว
2.2 ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชนที่ได้จดทะเบียนต่อกรมส่งเสริมการเกษตร
2.3 ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจเพื่อสังคมที่ได้จดทะเบียนต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
“เซ็นทรัล รีเทล และธุรกิจในเครือ ขอมอบความคุ้มค่าผ่านแคมเปญโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่องตลอดปี เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีและความพึงพอใจสูงสุด ควบคู่ไปกับการสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ในฐานะผู้นำด้านค้าปลีกและค้าส่งครบวงจรที่มีความพร้อมในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สะท้อนพันธกิจการเป็น Central to life หรือศูนย์กลางชีวิตของผู้คน อันเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาองค์กรของเรา” ปิยวรรณ กล่าวสรุป
เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล
บริษัท
เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย
(Multi-format
and Multi-category) ในประเทศไทย
และมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ
โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม
เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมด 3,759
ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง
ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า
และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล
รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฟู้ด
ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค
และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อซูเปอร์มาร์เก็ต
และศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง ๆ เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด ท็อปส์เดลี่ โก โฮลเซลล์ บิ๊กซี
/ GO!
และ ท็อปส์ มาร์เก็ต เวียดนาม มินิ โก (go!) เวียดนาม ลานชี มาร์ท เวียดนาม (2) กลุ่มฮาร์ดไลน์
ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์
เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท
บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (3)
กลุ่มแฟชั่นซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่างๆ
เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต
ซูเปอร์สปอร์ต และเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้
ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่ สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ
และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ
บิ๊กซี / GO!
เวียดนาม (5) กลุ่มเฮลธ์แอนด์ เวลเนส
ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายและให้บริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง เช่น ท็อปส์แคร์
ท็อปส์วีต้า และ เพ็ทแอนด์มี โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เซ็นทรัล รีเทล
ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 62 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม
ทั้งหมด 42 จังหวัด และประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ