โดย ดร.กร พูนศิริวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และผู้อำนวยการโครงการ BINANCE TH Academy บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด
ในช่วงที่ตลาดคริปโตกำลังเฟื่องฟู
การซื้อขายแบบ P2P (Peer-to-Peer) กลายเป็นประเด็นร้อนที่ได้รับความสนใจอย่างมาก
โดยเฉพาะเมื่อภาครัฐประกาศมาตรการควบคุมที่มีผลบังคับในเดือนกุมภาพันธ์นี้
ทว่าการควบคุม P2P ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย
หลายประเทศในเอเชียเองก็มีแนวทางการจัดการที่แตกต่างกัน อย่างญี่ปุ่นเลือกที่จะห้าม
P2P
โดยสิ้นเชิง และเน้นการซื้อขายผ่าน Exchange ที่ได้รับอนุญาต
ขณะที่สิงคโปร์อนุญาตแต่มีการควบคุมที่เข้มงวด
ส่วนเกาหลีใต้ก็กำหนดว่าการเทรดประเภทนี้ต้องผ่านระบบธนาคารที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
ความเข้าใจกลไกและบทบาท P2P ในตลาดคริปโต
P2P เป็นการทำธุรกรรมการเงินโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
ที่อาศัย “ความเชื่อใจกัน” มีความคล้ายคลึงกับ
‘การซื้อขายสินค้าโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย’ โดยเริ่มจากการตกลงราคา
และเลือกวิธีการชำระเงินโดยมีการจ่ายเป็นสกุลเงินบนใช้คริปโต ต่อมา P2P ได้รับความนิยมอย่างมากในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล
เนื่องจากมีความสะดวกและยืดหยุ่น ซึ่งการซื้อ-ขายประเภทนี้
ทำให้ผู้คนสามารถเลือกทำธุรกรรมกับใครก็ได้ และกำหนดราคาที่พอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย
และยังสามารถทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินข้ามประเทศสามารถเกิดได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
นอกจากการแลกเปลี่ยนระหว่างบุคคล P2P ยังสามารถทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มตัวกลาง ซึ่งแต่ละรูปแบบมีความเสี่ยงต่างกัน อย่างไรก็ตามการแลกเปลี่ยน P2P กลับถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำผิดกฎหมาย ถูกใช้ในการหลอกลวง หรือหาประโยชน์ของผู้ไม่หวังดีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วง Bull Market เช่น การใช้สลิปปลอม การสวมรอยบัญชี และการใช้บัญชีม้าเพื่อฟอกเงิน นำไปสู่การอายัดบัญชีผู้ใช้งาน ซึ่งแท้จริงแล้วแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการต่างมีมาตรการป้องกันให้กับผู้ใช้ แต่บางรายเลือกที่จะทำธุรกรรมแบบ P2P นอกกระดานเทรด
รูปแบบการหลอกลวง P2P ที่ต้อง “พึงระวัง”
การหลอกลวงที่มิจฉาชีพพยายามโน้มน้าวเหยื่อให้ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรงนอกแพลตฟอร์ม
Exchange
ผ่านระบบ P2P นั้น อาจมีหลายรูปแบบ
แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีองค์ประกอบคล้ายคลึงกัน ดังนี้:
วิธีหลีกเลี่ยงการหลอกลวงผ่าน P2P
BINANCE TH ในฐานะผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลจาก
สำนักงาน ก.ล.ต. มองว่าการกำกับดูแล P2P เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล
และบริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตลาด
และเพิ่มการคุ้มครองให้กับนักลงทุนรายย่อย
อันเป็นการส่งเสริมการพัฒนาระบบการเงินที่ยั่งยืน พร้อมย้ำแนวทางที่ BINANCE
TH ปกป้องผู้ใช้บริการในไทย ดังนี้
1.
การยืนยันตัวตน
·
การยืนยันตัวตนแบบ Know-Your-Customer:
BINANCE TH กำหนดให้ผู้ใช้ทุกคนต้องทำการยืนยันตัวตน (KYC) ก่อน จึงจะสามารถซื้อขายบนแพลตฟอร์มได้
วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าทั้งผู้ซื้อและผู้ขายนั้นปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
· ระบบ Reputation: ระบบนี้จะเปิดให้ผู้ใช้มอบคะแนนและวิจารณ์คู่ค้าในการซื้อขายได้ ช่วยให้สามารถระบุผู้ซื้อขายที่น่าเชื่อถือ และหลีกเลี่ยงการหลอกลวงได้
2.
มอบความรู้และสร้างความเข้าใจ
· มอบความรู้แก่ผู้ใช้งาน : BINANCE TH Academy เป็นแหล่งข้อมูลเพื่ออัปเดตความรู้และสร้างความเข้าใจให้กับคนไทย รวมถึงประเด็นการหลอกลวงและวิธีหลีกเลี่ยง เพื่อเป็นแนวทางการซื้อขายที่ปลอดภัย
· การแจ้งเตือนการหลอกลวง (Scam Alerts): มีการอัปเดตผู้ใช้งานเป็นประจำเพื่อให้รู้เท่าทันกับกลลวงประเภทใหม่ ๆ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับมาตรการป้องกัน การแจ้งเตือนนี้ยังช่วยให้ผู้ใช้ตื่นตัวและรับทราบข้อมูลภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลาในโลกคริปโต
3.
ช่องทางการสื่อสารที่ปลอดภัย
· แชทในแอป (Chat Support): แพลตฟอร์ม BINANCE TH มีฟีเจอร์แชทในแอปที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ กับผู้ใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง
4.
ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยตรวจจับ
·
การตรวจจับการฉ้อโกงด้วย AI: ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ขั้นสูง
(LLM)
เพื่อตรวจสอบการแชท P2P เพื่อหาสัญญาณพฤติกรรมฉ้อโกง
และช่วยเหลือผู้ใช้
· การประมวลผลภาพคอมพิวเตอร์เพื่อการตรวจสอบ POP (Computer Vision for POP Verification)ใช้โมเดลการประมวลผลภาพคอมพิวเตอร์ด้วย AI เพื่อประเมินเอกสารหลักฐานการชำระเงินโดยอัตโนมัติ และตรวจจับกรณีที่เอกสารถูกดัดแปลง ซึ่งเป็นสัญญาณทั่วไปของการพยายามหลอกลวง
การเปลี่ยนแปลงนี้จะนำไปสู่ระบบนิเวศทางการเงินที่แข็งแรงในระยะยาว
BINANCE
TH พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมคริปโตไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง
เพื่อสร้างอนาคตทางการเงินที่ปลอดภัยและเป็นธรรมสำหรับทุกคน
คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง
ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน
โปรดศึกษาข้อมูลและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
เกี่ยวกับไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์
ไบแนนซ์
คือแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลโดยได้รับใบอนุญาตภายใต้ชื่อบริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์
จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด
(บริษัทในเครือของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท
ไบแนนซ์ แคปปิตอล แมเนจเมนท์ จำกัด (บริษัทในเครือของกลุ่ม Binance)