10 ก.พ. 2568 233 14

รองนายกสั่งลุย! ศึกษาผลกระทบเคเบิลใต้น้ำ หนุน สกมช. มาตรการป้องกันและแผนเสริมความมั่นคงไซเบอร์

รองนายกสั่งลุย! ศึกษาผลกระทบเคเบิลใต้น้ำ หนุน สกมช. มาตรการป้องกันและแผนเสริมความมั่นคงไซเบอร์

ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องประชุมคณะกรรมการ บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ ชั้น 10 บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) โดยที่ประชุมมีมติที่สำคัญคือ เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ศึกษาผลกระทบจากกรณีเคเบิลใต้น้ำไม่สามารถใช้งานได้ พร้อมเสนอแผนรับมือและแนวทางปรับปรุงต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะรัฐมนตรี เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ โดยให้ สกมช. จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากภาครัฐ เอกชน หน่วยงานกำกับดูแล และผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (Critical Information Infrastructure) เพื่อศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น พร้อมจำลองสถานการณ์หากสายเคเบิลใยแก้วนำแสงใต้ทะเลของประเทศไทยไม่สามารถใช้งานได้ การศึกษานี้จะครอบคลุมประเด็นสำคัญ ได้แก่ ผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและเศรษฐกิจของประเทศ แนวทางป้องกันความเสียหายและการกู้คืนระบบในกรณีเกิดเหตุการณ์จริง การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการดูแลเคเบิลใต้น้ำ และแนวทางการพัฒนาระบบเครือข่ายสำรอง (Backup Network) เพื่อเพิ่มความมั่นคงของระบบอินเทอร์เน็ตในประเทศ



ประเสริฐ จันทรรวงทอง กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัล และพร้อมผลักดันแนวทางเชิงรุกเพื่อรับมือภัยคุกคามที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีเคเบิลใต้น้ำที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและการสื่อสารของประเทศไทย ซึ่งการเตรียมความพร้อมรับมือปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ การศึกษานี้จะช่วยให้ประเทศไทยมีแนวทางที่ชัดเจนในการป้องกันและลดผลกระทบจากเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต


พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการ กมช. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบรายงานผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง รวมถึงความก้าวหน้าของการเตรียมความพร้อมด้านความมั่นคงไซเบอร์ โดยเฉพาะการรับมือภัยคุกคามจากควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่อาจส่งผลต่อระบบการเข้ารหัสข้อมูลในอนาคต นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอรายงานผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2567 ซึ่งครอบคลุมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไซเบอร์ การเสริมสร้างขีดความสามารถของบุคลากร และการยกระดับมาตรการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ



ประเสริฐ จันทรรวงทอง กล่าวทิ้งทายว่า “นอกจากการเตรียมความพร้อมรับมือเหตุการณ์เคเบิลใต้น้ำไม่สามารถใช้งานได้แล้ว รัฐบาลยังมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้มีความมั่นคงและยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีสำรองและการกระจายเส้นทางการเชื่อมต่อข้อมูล เพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชน นอกจากนี้ จะมีการผลักดันมาตรการเสริมความแข็งแกร่งด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพระบบเฝ้าระวังภัยคุกคาม การพัฒนากลไกป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ”