รายงานใหม่ผลักดันให้ประเทศไทยสร้างมิติใหม่ทลายกำแพงการซ่อมแซม จัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์กว่า 450,000 ตันต่อปี สอดคล้องกับเป้าหมายโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทย
สถาบันนโยบายสาธารณะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) และมหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมจัดทำรายงานใหม่ล่าสุด เปิดเผยถึงโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคในการเคลื่อนไหวและกฎหมายสิทธิในการซ่อม‘อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์’ (Right to Repair - R2R)
แนวคิด R2R คือ
การที่ผู้บริโภคควรมีสิทธิในการซ่อมผลิตภัณฑ์ของตนเอง โดยสามารถเข้าถึงอะไหล่
เครื่องมือ และคู่มือการซ่อมได้ ตั้งแต่เครื่องจักรกลการเกษตร ยานยนต์
ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งปัจจุบันผู้ผลิตหลายรายได้กำหนดข้อจำกัดทั้งทางกายภาพ กฎหมาย และดิจิทัล
เพื่อปิดกั้นการซ่อมโดยอิสระ R2R จึงมีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองสิทธิด้านการซ่อม
พร้อมทั้งลดข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้อะไหล่ทดแทนใช้งานได้
ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘Parts Pairing’ หรือ
การจับคู่ชิ้นส่วน ที่ส่งผลให้ค่าซ่อมเพิ่มขึ้นอย่างมาก
การขาดทางเลือกของผู้บริโภค
ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เป็นแรงผลักสำคัญให้ R2R เรียกร้องให้ผลิตภัณฑ์สามารถซ่อมได้ง่ายขึ้น
เพื่อให้สิทธิและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากขึ้นแก่ผู้บริโภค
หลายรัฐในสหรัฐอเมริกาได้ผ่านกฎหมายดังกล่าวแล้ว และปัจจุบันมีอีก 30
รัฐที่กำลังพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว ขณะที่สหภาพยุโรปได้ประกาศใช้กฎหมาย R2R ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567
ซึ่งห้ามผู้ผลิตกำหนดข้อจำกัดในการซ่อม
และบังคับให้ผู้ผลิตต้องจัดหาอะไหล่และเครื่องมือในราคาที่สมเหตุสมผล
การขับเคลื่อนนโยบาย R2R ในประเทศไทย
งานวิจัยฉบับใหม่นี้รวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการซ่อมกว่า 40 รายในกรุงเทพฯ พบปัญหาสำคัญในระบบซ่อมแซมของไทย โดย 54% ของร้านซ่อมอิสระไม่มีคู่มือการซ่อม ขณะที่ 96% ไม่สามารถเข้าถึงอะไหล่จากศูนย์บริการหรือผู้ผลิตที่ได้รับอนุญาต
เอ็ดเวิร์ด แรตคลิฟฟ์ กรรมการบริหาร สถาบันนโยบายสาธารณะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Mr. Edward Ratcliffe, Executive Director, Southeast Asia Public Policy Institute) กล่าวว่า "ประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดอิเล็กทรอนิกส์ใหญ่และมียอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนถึง 14 ล้านเครื่องในปี 2566 คาดว่าอัตราการใช้สมาร์ทโฟนจะสูงถึง 97% ภายในปี 2572 ทำให้เป็นประเทศที่เหมาะสมสำหรับการออกกฎหมาย R2R ที่ก้าวหน้า"
งานวิจัยนี้เผยแพร่ในช่วงเวลาสำคัญ
ขณะที่ “ร่างพระราชบัญญัติความรับผิดชอบต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า”
หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เลมอน ลอว์" (Lemon Law) ของไทยกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
รายงานยังเน้นถึงความเร่งด่วนของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
โดยระบุว่าขยะอิเล็กทรอนิกส์คิดเป็น 65% ของขยะอันตรายจากชุมชน ซึ่งมีปริมาณสูงถึง
450,000 ตันต่อปี ขยะจากโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตคิดเป็นประมาณ 25,200 ตัน
แต่มีเพียง 21% เท่านั้นที่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ครั้งใหญ่
โดยเฉพาะหลังจากที่จีนสั่งห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2560
ทำให้ปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์นำเข้าในไทยเพิ่มขึ้นถึง 20 เท่า โดยในปี 2564
ไทยนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 28 ล้านตัน
ซึ่งรายงานฉบับนี้ได้เสนอข้อแนะนำสำคัญในการพัฒนากรอบการทำงานของ
R2R ที่ครอบคลุม
ซึ่งรวมถึงการห้ามการจับคู่ชิ้นส่วน (Parts Pairing) เพื่อให้สามารถเข้าถึงชิ้นส่วนได้ง่ายขึ้น
การกำหนดราคามาตรฐาน และการให้สิ่งจูงใจสำหรับธุรกิจซ่อมแซม
ข้อเสนอเหล่านี้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการโมเดลเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green
(BCG) ของประเทศไทย (พ.ศ. 2564-2570)
ทั้งนี้
รายงานฉบับเต็มได้ทำการวิเคราะห์แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในโลกเกี่ยวกับนโยบาย R2R และได้เสนอข้อแนะนำที่ชัดเจนสำหรับประเทศไทยในการพัฒนากรอบงานของตนเอง
ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถเป็นผู้นำในด้านการบริโภคที่ยั่งยืนและการคุ้มครองผู้บริโภคในระดับภูมิภาค
อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่ (https://seapublicpolicy.org/work/thailandr2r/)
เกี่ยวกับ สถาบันนโยบายสาธารณะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia Public Policy Institute)
สถาบันนโยบายสาธารณะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia Public Policy Institute) เป็นสถาบันวิจัยที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ
และสิงคโปร์ ทำงานทั่วทั้งภูมิภาค
ภารกิจของสถาบันคือการสนับสนุนการพัฒนาแนวทางแก้ไขปัญหานโยบายสาธารณะที่สำคัญที่สุดที่เผชิญอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในศตวรรษที่
21 สถาบันทำงานในหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน เทคโนโลยี สาธารณสุข
การค้า และการปกครอง
โดยโดยการเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้ตัดสินใจเพื่อกระตุ้นการอภิปรายเกี่ยวกับความท้าทายและโอกาสที่ตลาดในภูมิภาคต้องเผชิญ
ซึ่งสถาบันใช้เครือข่ายนักวิจัยที่ทำงานในตลาดที่มีประสบการณ์
ผู้ให้คำปรึกษา และพันธมิตรเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกและข้อเสนอแนะแก่รัฐบาล นักนโยบาย
และธุรกิจ สถาบันทำงานร่วมกับพันธมิตรในโครงการต่างๆ
เพื่อสำรวจและกระตุ้นการอภิปรายเกี่ยวกับความท้าทายทางนโยบายผ่าน:
o การวิจัยและการพัฒนานโยบาย –
การวิจัยเชิงลึกที่ให้ข้อมูลเชิงลึกและโซลูชันนโยบายที่สามารถปฏิบัติได้
เพื่อช่วยให้นักนโยบายขับเคลื่อนประเด็นสำคัญ
o การประชุมสนทนาและการประชุมโต๊ะกลม –
การนำเสนอแนวคิดนโยบายและเริ่มการสนทนากับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องที่สุดในการพัฒนานโยบายในตลาดต่าง
ๆ ของภูมิภาค สถาบันก่อตั้งขึ้นบนหลักการที่ว่า
การเชื่อมต่อโดยตรงและการสนทนาอย่างตรงไปตรงมาพร้อมข้อมูลที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งนักนโยบายและผู้นำธุรกิจที่ทำงานในภูมิภาคที่เศรษฐกิจและนโยบายสาธารณะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว