21 ก.พ. 2568 184 2

ดีอี จับมือ ตร. และ ป.ป.ส. ทำ MOU ยกระดับปราบยาเสพติดออนไลน์ เตือนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เสี่ยงโทษหนัก

ดีอี จับมือ ตร. และ ป.ป.ส. ทำ MOU ยกระดับปราบยาเสพติดออนไลน์ เตือนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เสี่ยงโทษหนัก

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พลตำรวจโท อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการปราบปรามการซื้อขายยาเสพติดผ่านช่องทางออนไลน์ ระหว่าง ดีอี ตร. และ ป.ป.ส. โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม




ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า การลงนาม MOU ครั้งนี้ เป็นการยกระดับการประสานงานร่วมกัน ระหว่าง กระทรวงดีอี ตร. และ ป.ป.ส. เพื่อสร้างระบบในการตรวจสอบการซื้อขายยาเสพติดผ่านทางออนไลน์ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมของการสื่อสารในสังคมที่เทคโนโลยีดิจิทัล สื่อโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มต่างๆ เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้กระทรวงดีอี มีหน้าที่สนับสนุน และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีการนำเข้าข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์ โดยทำการเชื่อมโยง ตรวจสอบข้อมูล ด้วยเครื่องมือและบุคลคากรของกระทรวงฯ ที่ปัจจุบันมีการดำเนินการตรวจสอบและเฝ้าระวังด้านอาชญากรรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มเติมเรื่องของขบวนการซื้อขายยาเสพติดผ่านทางออนไลน์ ซึ่งจะมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยเหลือในการวิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลก่อนส่งต่อให้กับ ตร. และ ป.ป.ส. ดำเนินการขยายผลการจับกุมต่อไป


พร้อมกันนี้กระทรวงดีอี ยังทำหน้าที่ดำเนินการปิดกั้นบัญชีในแพลตฟอร์มต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายยาเสพติด ตามข้อมูลที่ได้รับการประสานงานจาก ตร. และ ป.ป.ส.

วันนี้สิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง นอกจากการใช้แพลตฟอร์มในการซื้อขายยาเสพติดแล้ว อีกประเด็นที่สำคัญคือ การรับส่งสินค้า ซึ่งมีการพัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ ที่เชื่อมโยงระหว่างคนส่งและคนรับ โดยที่บริษัทขนส่งเป็นเพียงผู้ให้บริการจัดระบบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาออกกฎเกณฑ์เพิ่มเติมในการควบคุมแพลตฟอร์มให้มีส่วนเฝ้าระวังเรื่องดังกล่าว” ปลัดกระทรวงดีอี กล่าว



ด้าน พลตำรวจโทอัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การปราบปรามยาเสพติด ถือเป็นนโยบายสำคัญของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกันในการเร่งรัดบังคับใช้กฎหมายปราบปรามอย่างเข้มข้น ซึ่ง ตร. ได้มอบหมายให้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เป็นหน่วยงานหลักดำเนินการด้านการเฝ้าระวังและปราบปรามการซื้อขายยาเสพติดออนไลน์

สำหรับปัจจุบันพบว่า ขบวนการค้ายาเสพติด ได้เริ่มปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ภายหลังจากที่มีการปราบปรามอย่างรุนแรง ได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม โซเชียลมีเดียเพิ่มมากขึ้น โดย บก.ปอท. ได้จำลองรูปแบบการซื้อขาย พบว่า มีการซื้อขายยาเสพติดในขั้นแรก ก่อนขยายเป็นการหลอกลวงการซื้อขายในครั้งที่ 2-3 ซึ่งกลายเป็นการก่ออาชญากรรมออนไลน์ที่ทับซ้อนกัน



ขณะที่ พลตำรวจโทภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า ป.ป.ส.ได้ดำเนินการเร่งรัดปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดบริเวณแนวชายแดน โดยพบว่าขบวนการค้ายาเสพติด ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการซื้อขายด้วยการใช้โดรนในการขนส่งข้ามแนวชายแดน หรือการซื้อขายผ่านทางออนไลน์ และใช้ระบบบริการจัดส่งสินค้า จึงขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการรับพัสดุภัณฑ์ที่ต้องสงสัย ซึ่งอาจตกเป็นเหยื่อหรือเครื่องมือของขบวนการค้ายาเสพติดได้


อย่างไรก็ตามหากพบเห็นการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่โทรสายด่วน สำนักงาน ป.ป.ส. 1386 ตลอด 24 ชม. โดยผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการฯ ดังกล่าว จะมีความผิดตามกฎหมาย ดังนี้

- การส่งยาเสพติดให้ผู้ซื้อในประเทศ มีความผิดฐานจำหน่าย มีโทษสูงสุดคือ จำคุกตลอดชีวิตและปรับ 1,000,000 – 5,000,000 บาท หรือประหารชีวิต

- การส่งยาเสพติดไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศ มีความผิดฐานส่งออก

- ผู้รับยาเสพติด มีความผิดฐานครอบครอง

- การส่งสิ่งผิดกฎหมายทางไปรษณีย์ (สำหรับผู้ประกอบการ) หากตรวจสอบพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง มีโทษปรับ ตั้งแต่ 10,000 - 50,000 บาท นอกจากนี้ยังถูกเพิกถอนใบอนุญาตชั่วคราว 30 วัน ในเบื้องต้น