25 ก.พ. 2568 80 0

Salesforce ร่วมมือกับ Google ใช้ Gemini เสริมพลัง Agentforce เพิ่มขีดความสามารถและทางเลือกให้ธุรกิจ ผ่านการขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์

Salesforce ร่วมมือกับ Google ใช้ Gemini เสริมพลัง Agentforce เพิ่มขีดความสามารถและทางเลือกให้ธุรกิจ ผ่านการขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์

·      ความร่วมมือครั้งนี้ทำให้ Agentforce สามารถใช้โมเดล Gemini ของ Google ช่วยให้ AI Agent สามารถทำงานกับข้อมูลทั้งในแบบรูปภาพ เสียง และวิดีโอ รวมทั้งทำงานที่มีความซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้นด้วยความสามารถแบบ Multi-modal ของ Gemini และหน้าต่างการประมวลผลบริบทข้อมูลมากถึง 2 ล้านโทเค็น นอกจากนี้ Agent ยังสามารถดึงเอาข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ และคำตอบที่อ้างอิงจากการค้นหาของ Google ด้วย Vertex AI มาใช้ทำงานได้อีกด้วย

·      ระบบ Salesforce Service Cloud จะเชื่อมต่อกับ Google Customer Engagement Suite ได้ดียิ่งขึ้น และนำความสามารถของศูนย์บริการลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งได้เพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่างๆ เข้ามาเสริมการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการแปลเสียงบทสนทนาแบบเรียลไทม์ การโอนส่งมอบงานระหว่าง Agent การให้คำแนะนำที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลและบริบท รวมถึงข้อมูลเชิงลึกจากการสนทนาด้วย AI ในทุกช่องทางการสื่อสาร

·          Agentforce และ Data Cloud รวมถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ ในระบบ Customer 360 ของ Salesforce จะสามารถทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานของ Google Cloud และเข้าถึงพื้นที่การให้บริการใหม่ๆ เพิ่มเติม พร้อมทั้งช่วยลดความซับซ้อนในระบบการจัดซื้อผ่านทาง Google Cloud Marketplace

 

วันนี้ เซลส์ฟอร์ซ (Salesforce) และ Google ได้ประกาศการขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญ เพื่อมอบทางเลือกให้กับธุรกิจในการเลือกใช้โมเดล AI และความสามารถที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาและใช้งานพนักงานเอเจนต์อัจฉริยะที่ทำงานด้วยเทคโนโลยี AI (AI Agent) ในยุคปัจจุบันที่ AI กำลังก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง นวัตกรรมเอเจนต์ที่ทำงานได้ด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติ (Autonomous Agent) นั้นก็ได้กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนธุรกิจต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง ความร่วมมือที่ได้ขยายเพิ่มเติมขึ้นครั้งนี้ได้มอบความคล่องตัวและความสามารถในการปรับตัวทางธุรกิจ ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับแต่ง AI ให้ตรงกับความต้องการขององค์กรได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องจำกัดอยู่กับผู้ให้บริการโมเดล AI เพียงรายใดรายหนึ่งเท่านั้น

ปัจจุบัน Google Cloud เป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรม AI สำหรับองค์กร โดยนักพัฒนาหลายล้านคนได้ใช้โมเดล Gemini ที่มีความล้ำหน้าของ Google และโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการปรับแต่งมาเฉพาะสำหรับการพัฒนา AI บน Google Cloud ความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นนี้จะช่วยให้ลูกค้า Salesforce สามารถสร้าง Agentforce Agent โดยใช้ Gemini และติดตั้งใช้งาน Salesforce บน Google Cloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นการขยายความร่วมมือจากเดิมที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถใช้ข้อมูลระหว่าง Google BigQuery และ Salesforce ได้แบบสองทาง (Bi-Directional) ผ่านเทคโนโลยี Zero Copy ของ Salesforce ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้ลูกค้าในการนำ AI ผสานกับข้อมูล การทำงานที่มีความน่าเชื่อถือ และความสำมารถในการลงมือดำเนินงานหรือทำ Action ต่าง ๆ มาสู่องค์กรธุรกิจได้ พร้อมเปิดโอกาสให้สามารถนำ Autonomous Agent เข้ามาใช้งานในองค์กรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

สรีนี ทัลลาพรากาดา (Srini Tallapragada) ประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิศวกรรมและความสำเร็จของลูกค้าของ Salesforce กล่าวว่าด้วยความร่วมมือที่เราได้พัฒนาเพิ่มมากยิ่งขึ้นกับ Google Cloud และการผสานเชื่อมโยงเชิงลึกทั้งในระดับแพลตฟอร์ม แอปพลิเคชัน และโครงสร้างพื้นฐาน เราได้มอบทางเลือกเพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานแอปพลิเคชันและโมเดล AI ที่ลูกค้าต้องการและเสริมว่า “Salesforce ได้นำเสนอแพลตฟอร์ม Agentic AI ในระดับองค์กรแบบครบวงจร ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับใช้งานฟีเจอร์และความสามารถรูปแบบใหม่ได้อย่างง่ายดาย และสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ Google Cloud เป็นผู้บุกเบิกด้าน Agentic AI สำหรับองค์กรที่นำเสนอโมเดล AI พร้อมทั้งเครื่องมือสำหรับการพัฒนา และ Agent ที่ทรงพลังที่สุดในโลก การร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นการที่เราได้ร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดให้กับธุรกิจ เพื่อขยายขีดความสามารถขององค์กรด้วยพนังงานในรูปแบบดิจิทัล

โทมัส เคอร์เรียน (Thomas Kurian) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Google Cloud กล่าวว่าการที่ Salesforce ได้เลือก Google Cloud ให้เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานหลักของ Salesforce หมายความว่าลูกค้าในระดับองค์กรจะสามารถใช้งานแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญมากที่สุดของตนเอง บนโครงสร้างพื้นฐานที่มีความปลอดภัยของเรา ซึ่งได้รับการปรับแต่งมาให้เหมาะกับการทำงานของ AI ได้อย่างราบรื่นและมีอุปสรรคน้อยที่สุดพร้อมเสริมว่าลูกค้าของเรานั้นต้องการให้ Salesforce และ Google Cloud ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นเสมือนเป็นระบบเดียวกันได้ดียิ่งขึ้น และความร่วมมือที่พัฒนาขยายเพิ่มขึ้นนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถเร่งกระบวนการเปลี่ยนแปลงองค์กรด้วย Agentic AI และด้วย โมเดล AI ที่มีความก้าวหน้าขั้นสูง พร้อมด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล และความสามารถอื่นๆ อีกมากมาย

ฟิโอนา แทน (Fiona Tan) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท Wayfair กล่าวว่า "ที่ Wayfair เรามุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งในการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยี AI เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า" พร้อมย้ำว่า "ความร่วมมือระหว่าง Salesforce และ Google Cloud โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เราสามารถใช้งาน Salesforce บนโครงสร้างพื้นฐานของ Google Cloud และการผสานรวมระหว่าง Agentforce และ Gemini นั้นได้นำเสนอขีดความสามารถใหม่ที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก ช่วยให้เราสามารถปรับแต่งและพัฒนาการโต้ตอบสนทนากับลูกค้า และเสริมศักยภาพให้ทีมงานของเราสามารถให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น"

ความสำคัญของการขยายความร่วมมือระหว่าง Salesforce และ Google ในครั้งนี้

Agentic AI ไม่ได้เป็นเพียงการพัฒนาที่เพิ่งจะเริ่มเกิดขึ้น แต่ได้กลายเป็นเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้งานจริงแล้วในปัจจุบัน จากการศึกษาของ Salesforce พบว่าโอกาสทางธุรกิจจากการพัฒนาด้านนี้มีมูลค่าสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ 84% ของประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ (CIOs) เชื่อว่าในอนาคต AI จะมีความสำคัญต่อธุรกิจเช่นเดียวกับอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ธุรกิจสามารถใช้พลังของ AI ได้อย่างเต็มศักยภาพ องค์กรจึงจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ด้าน Agentic AI ที่ให้ความสำคัญกับการเปิดรับเทคโนโลยี ความน่าเชื่อถือ และความสามารถในการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เป็นหัวใจสำคัญ

กลยุทธ์ด้าน Agentic AI ที่สำคัญประกอบด้วย 

  • ข้อมูล: การวางแผนเพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดขององค์กรได้อย่างปลอดภัยและรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าข้อมูลจะถูกจัดเก็บอยู่ที่ใดก็ตาม ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Zero-Copy ของ Salesforce และข้อมูล Metadata ที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่ดียิ่งขึ้น การพัฒนาเหล่านี้ช่วยขจัดอุปสรรคจากการจัดเก็บข้อมูลที่แยกส่วนและกระจัดกระจายอยู่ในหลายแพลตฟอร์ม ทำให้ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างความสามารถในการใช้เทคโนโลยีที่หลากหลาย กับประสบการณ์การใช้งานที่เชื่อมต่อกันได้โดยสะดวก แตกต่างจากโซลูชันอื่นที่จำกัดการเข้าถึงข้อมูล หรือบังคับให้ผู้ใช้ต้องรวมระบบที่แตกต่างเข้าหากันด้วยตนเอง
  • AI: ตัวเลือกในการใช้โมเดล AI ที่มีความหลากหลาย สามารถเลือกปรับให้เหมาะกับการใช้งานในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้ ด้วยโมเดล AI ชั้นนำ ซึ่งครอบคลุมทั้ง AI เชิงคาดการณ์ (Predictive), AI เชิงสร้างสรรค์ (Generative) และ AI แบบผสานหลายโมดอล (Multi-Modal) ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับแต่งโซลูชันให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะองค์กร และหลีกเลี่ยงข้อจำกัดจากการต้องพึ่งพาความสามารถของ AI จากผู้ให้บริการเพียงรายใดรายหนึ่งเท่านั้น 
  • ความน่าเชื่อถือ: การปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานแบบหลายชั้น ด้วยการเข้ารหัส (Encryption) รวมถึงตัวเลือกด้านสถานที่จัดเก็บข้อมูลที่มีความปลอดภัย และการเลือกใช้ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ การกำหนดมาตรการป้องกัน (Guardrails) ที่แข็งแกร่ง รวมถึงระบบตรวจจับการตอบสนองที่ไม่เป็นกลางและมีอคติในการทำงาน (Bias Detection) ความสามารถในการอธิบายที่มาของระบบการทำงานของ AI (Explainability) และการควบคุมความเป็นพิษของข้อมูล (Toxicity Controls) ซึ่งจำเป็นจะต้องถูกออกแบบและผสานรวมไว้ในระบบ เพื่อให้มั่นใจว่าเทคโนโลยี AI ขององค์กรจะถูกพัฒนาและนำไปใช้อย่างมีความรับผิดชอบ
  • การดำเนินงานและทำ Action ต่าง ๆ ระหว่างระบบ : การผสานรวมระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ (Automation) ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics) และแอปพลิเคชันต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้อย่างราบรื่นระหว่างแพลตฟอร์ม นั้นจะช่วยปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ให้มีประสิทธิภาพ และเพิ่มความสามารถในการดำเนินงานอย่างทั่วถึงได้ทั้งองค์กร ช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ AI Agent ได้อย่างเต็มศักยภาพ จากการเชื่อมต่อกับเครื่องมือและระบบต่างๆ ที่มีอยู่ได้อย่างราบรื่น ซึ่งความสามารถนี้จะแตกต่างจากโซลูชันที่จำกัดการเชื่อมต่อระหว่างระบบ หรือสร้างอยู่ในระบบแบบปิด (Closed Ecosystems) ซึ่งปิดกันการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่น 

ข้อมูล และการตอบสนองแบบเรียลไทม์ใน Agentforce ด้วยการค้นหาของ Google 

ความร่วมมือครั้งนี้ ทำให้ Agentforce สามารถใช้การ Grounding ข้อมูลกับระบบของ Google Search ผ่าน Vertex AI โดยพัฒนาจากพื้นฐานโครงสร้างของข้อมูลที่มีความปลอดภัยซึ่งเกิดจากความร่วมมือ ระหว่าง Salesforce Data Cloud และ Google BigQuery ในโครงการZero Copyที่มีการคัดลอกสำเนาเป็นศูนย์ การเชื่อมต่อนีจะช่วยให้ Agent ของ Agentforce สามารถอ้างอิงข้อมูลได้ทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารล่าสุด เหตุการณ์ปัจจุบัน และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือต่าง ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถให้ Agent เข้าใจบริบทในการทำงาน และเพิ่มความแม่นยำของการตอบสนอง โดยอ้างอิงข้อมูลที่มีหลักฐานรองรับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น ในการจัดการห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ Agent ของ Agentforce จะสามารถติดตามการขนส่งสินค้าและตรวจสอบระดับสินค้าคงคลังใน Salesforce Commerce Cloud รวมถึงคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า โดยใช้ข้อมูลเรียลไทม์จาก Google Search เช่น สภาพอากาศ ความแออัดของท่าเรือ และเหตุการณ์สำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยคาดว่าความสามารถนี้จะพร้อมเปิดให้ใช้งานได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ 

AI: ปลดล็อกพลังแห่งศักยภาพ จากการเลือกใช้โมเดล AI และการปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ด้วย Gemini และ Agentforce

ธุรกิจจำเป็นต้องมีอิสระในการเลือกใช้โมเดล AI ที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรมากที่สุด โดยไม่ถูกจำกัดอยู่กับการใช้เทคโนโลยีจากผู้ให้บริการเพียงรายเดียว ในปี 2025 นี้ โมเดล Gemini ของ Google จะพร้อมเปิดให้องค์กรสามารถสร้างพรอมต์ (Prompt Building) และใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์เหตุผล (Reasoning) ได้โดยตรงภายจากระบบภายใน Agentforce ด้วยการผสานระหว่าง Gemini และ Agentforce องค์กรธุรกิจจะได้รับประโยชน์ดังต่อไปนี้:

  • เอเจนต์ที่มีความสามารถแบบ multi-modal : ความสามารถ multi-modal ที่สร้างไว้ในระบบของ Gemini ช่วยให้ Agent สามารถ "มองเห็น" และตีความข้อมูลจากโลกในความเป็นจริงได้ ทำให้ AI สามารถเข้าใจภาพ (เช่น ตรวจพบรหัสข้อผิดพลาดจากรูปที่แสดงให้เห็น) และตรวจจับอารมณ์ของผู้พูดจากเสียงได้ การผสานรวมความสามารถนี้เข้ากับ Agentforce จะช่วยสร้าง Agent ที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถตอบสนองต่อข้อมูลทั้งในรูปแบบ เสียง วิดีโอ และข้อความ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ความสามารถในการเข้าใจบริบทและใช้เหตุผลที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น: Gemini มาพร้อมกับหน้าต่างการประมวลผลบริบทข้อมูล (context window) ขนาด 2 ล้านโทเค็น ซึ่งช่วยให้ Agent สามารถจดจำและอ้างอิงข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น โค้ดพื้นฐานของทั้งระบบ ประวัติการโต้ตอบกับลูกค้าที่มีมายาวนานหลายปี หรือเอกสารผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัท 
  • ความเร็วในการทำงานและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น: เมื่อหน่วยประมวลผล Tensor Processing Units (TPUs) ของ Google ผสานเข้ากับเทคนิคในการพัฒนาขั้นสูง เช่น เทคโนโลยีที่ใช้ใน Google NotebookLM ได้ทำให้ Gemini สามารถประมวลผลและเข้าใจข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถตอบสนองแบบเรียลไทม์ได้ แม้ในกรณีที่มีคำถามจากลูกค้ามีความซับซ้อน ช่วยทำให้การตอบสนองเป็นไปอย่างรวดเร็วและลดต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจได้ 


ตัวอย่างเช่น ลูกค้าบริษัทประกันภัยสามารถยื่นเคลมโดยแนบรูปภาพความเสียหายและฝากข้อความเสียงจากพยานผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ให้กับระบบ โดย Agentforce ซึ่งใช้ Gemini ช่วยทำงานจะช่วยมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าโดยประมวลผลข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้ ประเมินความถูกต้องของการเคลมประกัน และแม้แต่ใช้ฟังก์ชัน Text-to-Speech เพื่อติดต่อกับลูกค้าและแจ้งผลการพิจารณา ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการดำเนินการเคลมประกันที่โดยปกติมักใช้เวลานาน โดยฟีเจอร์นี้คาดว่าจะพร้อมเปิดให้ใช้งานได้ภายในปีนี้

ความน่าเชื่อถือและไว้วางใจของแพลตฟอร์ม Salesforce ที่ใช้งานบน Google Cloud

ลูกค้าจะสามารถใช้แพลตฟอร์มแบบครบวงจรของ Salesforce (ได้แก่ Agentforce และ Data Cloud รวมถึง Customer 360) บนโครงสร้างพื้นฐานของ Google Cloud ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและได้รับการปรับแต่งเพื่อให้เหมาะสำหรับการทำงานของ AI อย่างเต็มรูปแบบ โดยได้รับประโยชน์จากฟีเจอร์สำคัญ เช่น Dynamic Grounding และ Zero Data Retention รวมถึงระบบตรวจจับความเป็นพิษของข้อมูล (Toxicity Detection) ซึ่งขับเคลื่อนโดย Einstein Trust Layer ของ Salesforce อีกหนึ่งชั้น เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้งาน AI ของระบบเป็นไปอย่างปลอดภัย โปร่งใส และมีความน่าเชื่อถือ

เมื่อนำผลิตภัณฑ์ของ Salesforce มาใช้งานบน Google Cloud ลูกค้าจะสามารถเลือกซื้อโซลูชันของ Salesforce ผ่าน Google Cloud Marketplace ได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสให้องค์กรธุรกิจทั่วโลกสามารถเพิ่มประสิทธิภาพจากการลงทุนในระบบของ Salesforce และ Google Cloud ได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้าซึ่งทั้งสองบริษัทมีร่วมกันจำนวนหลายพันรายอีกด้วย

การดำเนินงานและทำ Action ต่างๆ ระหว่างระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้พนักงาน และยกระดับการบริการลูกค้าด้วยการผสานความสามารถของ AI

ปัจจุบันมีผู้ใช้งานหลายล้านคนซึ่งใช้ Salesforce และ Google Cloud เป็นประจำทุกวัน ความร่วมมือครั้งนี้ได้มุ่งสร้างทางเลือกและความยืดหยุ่นให้กับองค์กรและผู้ใช้งานเหล่านี้ ด้วยการช่วยให้การทำงานข้ามระหว่างแพลตฟอร์มเป็นไปอย่างราบรื่น การผสานเชื่อมโยงของระบบในระดับที่ลึกยิ่งขึ้นระหว่าง Salesforce Service Cloud และ Customer Engagement Suite ของ Google Cloud รวมถึงการเชื่อมต่อระหว่าง Slack และ Google Workspace จะช่วยให้ AI Agent และเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลซึ่งรวมเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังปรับปรุงเวิร์กโฟลวกระบวนการทำงาน และใช้ความสามารถ AI ขั้นสูงได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยไม่มีข้อจำกัดระหว่างแพลตฟอร์ม

Salesforce และ Google Cloud ได้กำลังผสานรวมแพลตฟอร์มการบริการลูกค้าของแต่ละบริษัทเข้ารวมกันในระดับที่ลึกยิ่งขึ้น ระหว่าง Salesforce Service Cloud และ Customer Engagement Suite ของ Google Cloud เพื่อสร้างประสบการณ์การบริการที่ไร้อุปสรรคและมีความชาญฉลาด ซึ่งคาดว่าจะพร้อมเปิดให้ใช้งานภายในปี 2025 นี้ แนวทางที่ผสานการทำงานรวมเป็นหนึ่งเดียวนี้จะช่วยให้ AI Agent ใน Service Cloud ของ Salesforce สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

  • การแปลภาษาจากเสียงแบบเรียลไทม์ และการวิเคราะห์อารมณ์ความรู้สึกของลูกค้า: Google Cloud AI ใน Service Cloud จะช่วยให้ระบบสามารถแปลภาษาจากเสียงแบบเรียลไทม์ได้ ลดอุปสรรคด้านภาษาในการสื่อสารระหว่างลูกค้าและเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ นอกจากนี้ฟีเจอร์เพื่อการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ (Agent Assist) ใหม่ใน Service Cloud Desktop จะสามารถวิเคราะห์ โทนเสียงของลูกค้า และสัญญาณเสียงต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของลูกค้าได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
  • การโอนส่งต่อการทำงานระหว่าง Agent ที่มีความชาญฉลาด: ไม่ว่าผ่านช่องทางใดก็ตาม Virtual Agent ที่สร้างขึ้นบน Google Conversational Agents จะสามารถเชื่อมต่อกับ Agentforce ใน Service Cloud ได้อย่างราบรื่น ช่วยให้การลงมือทำงานต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการโต้ตอบกับลูกค้าที่ต้องมีการทำงานแบบหลายขั้นตอน 

 

นอกจากนี้แล้ว Salesforce และ Google Cloud ยังได้กำลังศึกษาการผสานการทำงานในระดับที่ลึกยิ่งขึ้นระหว่าง Slack และ Google Workspace เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานแบบดิจิทัลที่เชื่อมโยงถึงกันมากยิ่งขึ้นสำหรับทีมงานและองค์กร โดยปัจจุบันทั้งสองบริษัทกำลังพัฒนาแนวทางการใช้งานที่เป็นไปได้ต่างๆ เช่น

  • ความสามารถในการใช้ระบบค้นหาข้อมูลองค์กรใน Slack เพื่อเข้าถึงและดำเนินการกับไฟล์ใน Google Drive ได้โดยตรง
  • การแชร์ข้อมูลระหว่าง Gmail และ Slack ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างการสื่อสารและการแบ่งปันความรู้ภายในองค์กร


ผลลัพธ์ที่ได้จากความพยายามในการพัฒนาด้านนี้ คือการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เชื่อมโยงถึงกันได้ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะกับความต้องการขององค์กรได้ ไม่ว่าจะเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานไปจนถึงการให้บริการลูกค้า พร้อมทั้งได้รับประโยชน์จากเวิร์กโฟลว์กระบวนการทำงานที่ไร้อุปสรรค มีความชาญฉลาด และสามารถทำงานข้ามแพลตฟอร์มได้อย่างไร้อุปสรรค

การขยายความสามารถ และการผสานความร่วมมือครั้งสำคัญ 

ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ได้จำกัดเพียงการผสานรวมระหว่างผลิตภัณฑ์หลักระหว่าง Salesforce และ Google Cloud เท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นไปที่การสร้างพื้นฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้นเพื่อเสริมความชาญฉลาดให้กับระบบการดำเนินการสำหรับองค์กรธุรกิจ การประกาศครั้งนี้ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่าง Salesforce และ Google Cloud ที่มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและขยายความร่วมมือให้มากยิ่งขึ้น เพื่อมอบโซลูชันที่ทรงพลังมากขึ้นให้กับธุรกิจ โดยคาดว่า ฟีเจอร์ต่าง ๆ จะทยอยเปิดให้ใช้งานตลอดปี 2025

  • การผสานรวมในระดับลึกยิ่งขึ้นระหว่าง Data Cloud, BigQuery และ Cortex Framework จะช่วยให้ลูกค้าสามารถผสานรวมข้อมูลระดับองค์กรของตนเข้ากับ AI Agent ได้อย่างปลอดภัยและง่ายดายกว่าที่เคย
  • การผสานรวมที่สร้างจากภายในระบบ (Native) ระหว่าง Tableau, Looker และ BigQuery จะช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการและแสดงผลข้อมูลทางธุรกิจจากทุกแพลตฟอร์มผ่านรูปแบบการใช้งาน (UI) เดียวกัน ผ่านการวิเคราะห์ทางธุรกิจและการกำหนดค่าข้อมูลที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน





เกี่ยวกับ Salesforce

Salesforce ช่วยให้องค์กรทุกขนาดสามารถปรับเปลี่ยนธุรกิจด้วยเทคโนโลยี AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย Agentforce ซึ่งเป็นโซลูชันพนักงานดิจิทัลรายแรกสำหรับองค์กร ได้ผสานรวมกับระบบ Customer 360 รวมทั้ง Data Cloud และ Einstein AI อย่างราบรื่นไร้อุปสรรคในการใช้งาน เพื่อสร้างทีมงานที่มีพลังไร้ขีดจำกัดให้กับทุกองค์กร โดยเชื่อมโยงการทำงานระหว่างมนุษย์และ AI Agent อัจฉริยะ เพื่อสร้างความสำเร็จให้กับลูกค้า ผ่านการทำงานของแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันและมีความน่าเชื่อถือ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชม www.salesforce.com


เกี่ยวกับ Google Cloud

Google Cloud นำเสนอโซลูชันคลาวด์ในรูปแบบใหม่ที่ผสานรวม AI โครงสร้างพื้นฐาน เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา ระบบจัดการข้อมูล ความปลอดภัย และเครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกัน ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สำหรับทั้งในปัจจุบันและอนาคต Google Cloud นั้นยังมอบ AI Stack ที่ทรงพลังแบบครบวงจร และได้รับการปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ชิปประมวลผลเฉพาะทาง โมเดล Generative AI แพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนา และแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถเปลี่ยนแปลงธุรกิจของตนได้อย่างเต็มศักยภาพ ลูกค้าที่อยู่ในมากกว่า 200 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ได้เลือกให้ Google Cloud เป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่พวกเขาเชื่อถือและไว้วางใจ