การออกแบบเว็บไซต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่การตกแต่งหรือสร้างกราฟิกที่ดูสวยงามเท่านั้นแต่ยังเป็นกระบวนการที่ต้องคำนึงถึงประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (UserExperienceหรือUX) และความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย การออกแบบเว็บไซต์ที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้าใหม่ๆเข้ามาในการตลาดออนไลน์และสร้างความภักดีให้กับลูกค้าเก่าอย่างไรก็ตามการออกแบบเว็บไซต์ที่ผิดพลาดอาจทำให้เว็บไซต์ของคุณสูญเสียผู้ใช้และส่งผลเสียต่อธุรกิจของคุณได้ บทความนี้จะพูดถึงข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการออกแบบเว็บไซต์และวิธีการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเพื่อให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพสูงสุด
การออกแบบที่ไม่มีส่วนของการตอบสนอง (Non-ResponsiveDesign)
ในยุคที่ผู้คนใช้อุปกรณ์หลายประเภทในการเข้าถึงเว็บไซต์ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนโทรศัพท์มือถือแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปการออกแบบเว็บไซต์ที่ไม่สามารถปรับตัวได้กับขนาดหน้าจอของอุปกรณ์เหล่านี้อาจเป็นข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุด มักส่งผลให้ประสบการณ์ของผู้ใช้แย่ลงและทำให้ผู้ใช้หลุดออกจากเว็บไซต์ไป วิธีหลีกเลี่ยงก็คือการออกแบบที่ตอบสนอง (ResponsiveDesign) คือการออกแบบเว็บไซต์ที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ทุกประเภทโดยการใช้การตั้งค่า CSS ที่เหมาะสมเช่นการใช้ mediaqueries ซึ่งช่วยให้เว็บไซต์ปรับตัวตามขนาดของหน้าจอโดยอัตโนมัตินอกจากนี้ยังต้องมั่นใจว่าเว็บไซต์ทำงานได้ดีทั้งในรูปแบบแนวนอนและแนวตั้งเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยไม่ต้องปรับตั้งค่าหรือเลื่อนหน้าจอเอง
การโหลดเว็บไซต์ช้าจนเกินไป (SlowWebsiteLoadTime)
เวลาที่เว็บไซต์โหลดช้าเป็นอีกหนึ่งข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยและมีผลกระทบต่อประสบการณ์ของผู้ใช้การใช้ภาพขนาดใหญ่เกินไปไฟล์ JavaScript ที่ไม่จำเป็นหรือการใช้โค้ดที่ไม่เหมาะสมสามารถทำให้เว็บไซต์โหลดช้าได้ เมื่อเว็บไซต์โหลดช้าผู้ใช้มักจะเบื่อหน่ายและเลือกไปเว็บไซต์คู่แข่งที่โหลดเร็วกว่า ควรใช้การบีบอัดภาพ (imagecompression) และเลือกใช้ไฟล์ภาพที่มีขนาดเล็กลงโดยไม่ลดคุณภาพมากเกินไปการลดขนาดของไฟล์ CSS และ JavaScriptก็จะช่วยลดเวลาในการโหลดได้นอกจากนี้การใช้เทคนิคเช่นการแคช (caching) และการใช้ ContentDeliveryNetwork (CDN) จะช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก
การออกแบบที่ไม่เน้นการใช้งาน (PoorUserExperience)
การจัดเรียงข้อมูลในเว็บไซต์ที่ยุ่งเหยิงหรือมีเมนูที่ซับซ้อนเกินไปจะทำให้ผู้ใช้รู้สึกหลงทางและไม่สามารถหาข้อมูลที่ต้องการได้ทันทีการออกแบบที่ดีควรคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งานและการทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าพวกเขาสามารถเข้าถึงทุกสิ่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว การออกแบบที่ดีจะต้องทำให้ผู้ใช้รู้สึกสะดวกสบายโดยไม่ต้องค้นหาหรือคิดมากเกินไปควรมีการจัดวางเมนูที่เข้าใจง่ายฟอนต์ที่อ่านง่ายและไม่ทำให้เกิดความสับสนในการอ่านนอกจากนี้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณมีการจัดวางเนื้อหาที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและมีการแสดงข้อมูลที่สำคัญในตำแหน่งที่โดดเด่นการใช้ระบบนำทางที่ไม่ซับซ้อนและการทำให้ทุกหน้าของเว็บไซต์มีลิงก์ที่สามารถย้อนกลับได้ง่ายๆ ก็เป็นวิธีหนึ่งในการปรับปรุง UX
ขาดการใช้งานของ CTA (CalltoAction)
CTA หรือการกระตุ้นให้ผู้ใช้ดำเนินการบางอย่างเช่นการสมัครสมาชิกการซื้อสินค้าหรือการติดต่อทีมงานเป็นองค์ประกอบสำคัญของเว็บไซต์ที่มีการออกแบบที่ดีหากเว็บไซต์ขาดปุ่ม CTA ที่เด่นชัดและกระตุ้นความสนใจของผู้ใช้ผู้ใช้จะไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไปหรือไม่รู้ว่ามีโอกาสหรือโปรโมชั่นที่น่าสนใจให้ความสำคัญกับการใช้ปุ่ม CTA ที่เด่นชัดในทุกหน้าของเว็บไซต์เช่น “สมัครตอนนี้” หรือ “ซื้อเดี๋ยวนี้” โดยปุ่มเหล่านี้ควรมีสีที่ตัดกับพื้นหลังและมีขนาดที่เหมาะสมปุ่ม CTA ควรจะอยู่ในตำแหน่งที่ผู้ใช้สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนและควรมีข้อความที่กระตุ้นความสนใจเพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกอยากคลิกเช่น "รับข้อเสนอพิเศษ" หรือ "สมัครสมาชิกฟรี"
การใช้เนื้อหาที่ยาวเกินไปหรือไม่เกี่ยวข้อง (ExcessiveorIrrelevantContent)
ควรคัดเลือกเนื้อหาที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับหัวข้อหลักของเว็บไซต์เท่านั้นการใช้หัวข้อย่อยและการแบ่งเนื้อหาออกเป็นหมวดหมู่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถหาข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้นควรจำกัดจำนวนคำในแต่ละย่อหน้าและเน้นเนื้อหาที่ตรงประเด็นการใช้กราฟิกหรือสื่อที่เกี่ยวข้องช่วยทำให้ข้อมูลดูน่าสนใจและเข้าใจง่ายขึ้น
การไม่ให้ความสำคัญกับ SEO (IgnoringSEOBestPractices)
การไม่มีการใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมในเนื้อหาหรือการไม่ตั้งค่าmetadataอาจทำให้เว็บไซต์ของคุณไม่ปรากฏในผลการค้นหาของ Google และทำให้สูญเสียโอกาสในการดึงดูดผู้ใช้ใหม่ๆ ให้ความสำคัญกับ SEO ตั้งแต่เริ่มต้นโดยการเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมและใช้ในตำแหน่งที่สำคัญเช่นชื่อเรื่อง (titletags) หรือคำอธิบาย (metadescriptions) การใช้ URL ที่สะอาดและเข้าใจง่ายการเพิ่มการเชื่อมโยงภายใน (internallinks) และการใช้ Alttext สำหรับภาพจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถค้นหาได้ง่ายขึ้นในเครื่องมือค้นหา
การขาดการทดสอบและการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ (LackofTestingandIteration)
ควรทำการทดสอบ A/BTesting เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพขององค์ประกอบต่างๆของเว็บไซต์เช่นการทดสอบปุ่ม CTA, สีพื้นหลังหรือแม้กระทั่งข้อความบนเว็บไซต์การติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งานผ่านเครื่องมือเช่น GoogleAnalytics หรือ Hotjar จะช่วยให้คุณทราบถึงปัญหาที่ผู้ใช้งานเจอและสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้