25 มี.ค. 2568 544 23

ทรู ลั่นเอาเรื่องถึงที่สุด! ลุยแจ้งความดำเนินคดีขบวนการสร้างเฟคนิวส์ ใส่ร้าย บิดเบือน ทำข้อมูลเท็จ กรณีประมูลคลื่นความถี่

ทรู ลั่นเอาเรื่องถึงที่สุด! ลุยแจ้งความดำเนินคดีขบวนการสร้างเฟคนิวส์ ใส่ร้าย บิดเบือน ทำข้อมูลเท็จ กรณีประมูลคลื่นความถี่


ตัวอย่างคำพูดที่ปรากฏในคลิป

ทรู คอร์ปอเรชั่น แจ้งจับขบวนการสร้างเฟคนิวส์ มุ่งบ่อนทำลายชื่อเสียงบริษัทฯ และผู้บริหารของบริษัทฯ จากกรณีมีผู้ใช้บัญชีติ๊กต๊อก (TikTok) รายหนึ่งใช้ชื่อว่า “สุรีมาทางนี้” โพสต์คลิปวิดิโอสั้นอันเป็นข้อมูลเท็จเกี่ยวกับ ทรู คอร์ปอเรชั่น อย่างต่อเนื่อง โดยวิธีการตัดต่อข้อมูล นำมาจัดเสนอใหม่และบิดเบือนเพิ่มเติม รวมทั้งมีการระบุชื่อผู้บริหารทรู นำภาพเก่ามาตัดต่อปรับเนื้อหา และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน สร้างความเสียหายให้แก่ทั้งผู้บริหารที่ถูกกล่าวอ้างถึงและบริษัทฯ ลั่นเอาเรื่องผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมดำเนินคดีทางกฎหมายจนถึงที่สุด


วานนี้ (24 มีนาคม 2568) ทีมกฎหมาย ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้นำหลักฐานข้อความและคลิปวิดิโอต่างๆ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีอาญาแก่ผู้กระทำความผิดตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกมาตรา และให้มีการสืบสวนต่อถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งขบวนการ เนื่องจากการกระทำของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีเจตนาสร้างความเสียหายต่อบริษัทฯ โดยผู้กระทำผิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดข้อหานำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์นั้น  ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ


จักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยสาเหตุที่จำเป็นต้องแจ้งความดำเนินคดีว่า “บริษัทฯพบว่ามีขบวนการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงของบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง ด้วยการโพสต์ข้อความและคลิปวิดีโอที่มีลักษณะเป็นการโฆษณาต่อบุคคลอื่นที่ได้พบหรือได้อ่านข้อความดังกล่าว อันเป็นข้อความและคลิปที่ไม่มีมูลความจริง บิดเบือนข้อเท็จจริง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีอีกหลายคลิปที่มีเนื้อหาระบุชื่อ นามสกุล และตำแหน่งของผม พร้อมให้ข้อมูลที่ผิดจากข้อเท็จจริง เป็นเหตุให้มีความเข้าใจผิด และนำมาซึ่งการแสดงความคิดเห็นที่เป็นการใส่ความทั้งต่อบริษัทฯและตัวผม โดยเผยแพร่ต่อสาธารณะผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และสื่อโซเชียลมีเดีย  ปลุกปั่นให้เชื่อว่าบริษัทฯและผู้บริหารของบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจอย่างไม่โปร่งใส  ทำให้บริษัทฯและผมได้รับความเสียหายและกระทบต่อธุรกิจของบริษัทฯ จึงจำเป็นต้องดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เพื่อป้องกันมิให้เกิดการกระทำที่เข้าข่าย Fake News เช่นนี้ เกิดขึ้นอีกในอนาคต” 

ทรู คอร์ปอเรชั่น ขอยืนยันว่า บริษัทฯยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลมาโดยตลอด และเชื่อว่าการสร้างสังคมออนไลน์ที่สะอาดปราศจากการโกหก บิดเบือน หรือปลอมแปลง เป็นแนวทางในการสร้างสังคมที่ดี ซึ่งการดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด จะเป็นกรณีตัวอย่างให้สังคมหลีกเลี่ยงการสร้างเฟคนิวส์ และใช้สื่อสังคมออนไลน์ในทางสร้างสรรค์มากขึ้น