ในการใช้งาน 2G 3G 4G 5G นั้น อุปกรณ์จะต้องมีชิปเซ็ตที่รองรับ เพราะการใช้งานเครือข่าย นั้นไม่สามารถอัพเกรดซอฟต์แวร์ และเฟิร์มแวร์ได้ จำเป็นที่จะต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่รองรับ นั่นก็คือชิปเซ็ตนั่นเอง ดังที่เราทราบกันว่า การใช้มือถือ 3G อยากจะใช้ 4G ก็ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ ไม่สามารถอัพเกรดซอฟต์แวร์เพื่อใช้ 4G ได้ ดังนั้น 5G ก็เช่นกัน จะต้องใช้เครื่องที่มีชิปเซ็ตรองรับ
บนสมาร์ทโฟน นอกจากจะมีชิปเซ็ตที่ให้สั่งการ มีสมองกลที่ใช้ทำงานร่วมกับเฟิร์มแวร์ ระบบปฏิบัติการ (หรือ OS) และ ซอฟต์แวร์ แล้ว การใช้งาน 2G - 4G จะต้องมีชิปเซ็ตที่รองรับการเชื่อมต่อ หรือโมเด็มในตัวเครื่อง
ไล่เรียงผู้ผลิตชิปเซ็ตก็จะมี Qualcomm, Samsung, Huawei, MediaTek, Intel, Apple โดยสมาร์ทโฟนต่างๆ ก็จะนำชิปเซ็ต 5G ไปใช้ เพื่อให้รองรับการรับส่งข้อมูลผ่าน 5G ได้ เรามาไล่เรียงผู้ผลิตชิปเซ็ต 5G Modem ว่าแต่ละค่ายมีบทบาทอย่างไร ความเคลื่อนไหว ณ ปัจจุบัน มีการออกชิปเซ็ตมาแล้ว เพียงแต่ ผู้ผลิตแบรนด์ใด จะนำเอาชิปเซ็ตของค่ายใดไปใช้งาน
Qualcomm
ผู้นำชิปเซ็ตบนสมาร์ทโฟน โดยมีชิปเซ็ตสำหรับ 5G modem เป็นรายแรก คือชิปเซ็ต Snapdragon X50 ซึ่งมีอัตราการรับส่งข้อมูลที่ 5 Gbps โดย X50 เป็นส่วนหนึ่งของแพล็ตฟอร์ม 5G ของ Qualcomm ซึ่งรวมไปถึงการรองรับการรับส่งข้อมูลผ่าน mmWave และการจัดการพลังงาน ในเวอร์ชั่นปัจจุบัน ชิปเซ็ตนี้ต้องการทำงานร่วมกับ LTE modem และซีพียู โดยทำงานทั้งบน 5G และ 4G ส่วนเวอร์ชั่นถัดไปของ Qualcomm จะเป็นแบบ integrated 5G modem
ในช่วงแรก Qualcomm เปิดตัวร่วมกับ 19 ผู้ผลิตอุปกรณ์ อย่างเช่น Xiaomi และ Asus และ 18 ผู้ให้บริการเครือข่าย อย่างเช่น ZTE และ Sierra Wireless ซึ่งทำให้ Qualcomm มีจุดแข็งเป็นผู้นำตลาด ข้อมูลชิปเซ็ต Qualcomm
Samsung
เป็นคู่แข่งกับ Qualcomm แข่งกันเป็นเจ้าตลาดใน US สำหรับโมเด็มบนสมาร์ทโฟน โดย Samsung นั้นมีชิปเซ็ตคือ Exynos 5100 โดยเปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม 2018 ซึ่ง Exynos 5100 รองรับการดาวน์โหลดสูงสุดถึง 6 Gbps ไวกว่า Snapdragon X50 ซึ่งอยู่ที่ 5 Gbps
นอกจากนี้ Exynos 5100 ยังเป็น single chipset ซึ่งเป็นทั้ง โมเด็ม, RF IC, envelop tracking และรวมเอา power management IC ไว้ด้วย ต่างจาก X50 ดังนั้น Exynos 5100 จึงเป็น multi-mode modem ที่รองรับ 5G NR ในขณะที่สามารถใช้งาน 2G ถึง 4G LTE ได้ด้วย ส่วน X50 จำเป็นจะต้องทำงานร่วมกับโมเด็ม 4G LTE modem เพื่อรองรับการใช้งาน 2G ถึง 4G LTE อย่างไรก็ตาม ชิปเซ็ตตระกูล X50 รุ่นใหม่ จะรองรับ multi-mode 2G/3G/4G/5G เป็น single chip
Huawei
Huawei มี Balong 5G01 5G modem ที่รองรับความเร็วในการดาวน์โหลด 2.3 Gbps แต่สถานการณ์ปัจจุบันของ Huawei ไม่สู้ดีนัก โดยเฉพาะใน US โดยมีแผนที่จะเปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G ในครึ่งปีหลังของปี 2019
MediaTek
เปิดตัว 5G modem ชิปเซ็ต Helio M70 ไม่อยากแข่งกับ Qualcomm เพราะมีต้นทุนสูงและมีเรื่อง license ด้วย
Intel
เปิดตัว 5G modem ชิปเซ็ต XMM 8060 แต่ไปเน้นพัฒนาสำหรับแล็ปท็อปและพีซี โดย 5G modem เหมาะกับไปอยู่บน PC สมาร์ทโฟน รถยนต์ที่เชื่อมต่อไร้สาย โดย XMM 8060 นั้นเน้นไปที่ตลาด PC/connected car มากกว่าสมาร์ทโฟน
Apple กับ 5G modem
Apple รองรับ mmWave สนใจในการผลิตซีพียูสำหรับ 5G modem แน่นอนว่า Apple ทำฮาร์ดแวร์เอง ต่างจาก Qualcomm และ Intel
รายละเอียดของ Snapdragon X50 5G Modem
5G Technology: 5G NR
5G Spectrum: mmWave, sub-6 GHz
5G mmWave specs: 800 MHz bandwidth, 8 carriers, 2x2 MIMO
5G sub-6 GHz specs: 100 MHz bandwidth, 4x4 MIMO
mmWave Features: Dual-layer polarization in downlink and uplink, Beam forming, Beam steering, Beam tracking
ยกตัวอย่าง สมาร์ทโฟน Xiaomi Mi MIX 3 ในรุ่น 5G ใช้ชิปเซ็ตของตัวเครื่องคือ Snapdragon 855 แต่ใช้ชิปเซ็ตโมเด็มเป็น X50 5G Modem ดังนั้น การที่จะใช้ 5G จะต้องใช้ชิปเซ็ตที่รองรับด้วย
ในปี 2017 AT&T และ Verizon ใช้เร้าเตอร์ 5G ของ Samsung ในการทดสอบ 5G สำหรับธุรกิจและบ้านพักอาศัย
AT&T ทดสอบกับ 5G Router
ในเดือนสิงหาคม 2017 AT&T ทดสอบ 5G โดยใช้ผลิตภัณฑ์ของ Samsung กับ 5G router
Verizon ทดสอบกับ 5G Router
Verizon เป็นพันธมิตรกับ Cisco และ Samsung เป็น multi-vendor บนเครือข่าย 5G
Router 5G จาก Samsung
เร้าเตอร์รุ่นแรกจาก Samsung ได้รับการรับรองจาก FCC ชื่อรุ่น SFG-D0100 รองรับ mmWav จับมือกับ Verizon ในการให้บริการ 5G ใน U.S. รองรับ 64 เสา รองรับ beamforming 2×2 MIMO ใช้งานบนคลื่น 27.5GHz ถึง 28.35GHz บน mmWave นอกจากนี้ยังรองรับ Bluetooth LE
แต่ไม่มีฟังก์ชั่น 802.11 ดังนั้นจึงต้องต่อพ่วงกับ Wi-Fi router อีกที ถ้าจะใช้ได้ก็เป็นสายแลน และด้วยความที่คลื่นแรง จึงแนะนำให้ห่างจากร่างกายมนุษย์ในระยะ 8 นิ้ว ตามกฎของ FCC ในการปล่อยคลื่น RF อ่านข่าวเก่า
เปิดตัวในงาน Mobile World Congress เมื่อปี 2017 โดยเป็นรุ่นที่รองรับ 5G customer-premises equipment (CPE) บนมาตรฐาน 5G 3GPP
ใช้ชิปเซ็ต Balong 5G01 บนความเร็วสูงสุด 2.3Gbps รองรับ sub-6GHz และ millimeter wave (mmWave) สำหรับชิปเซ็ต Balong 5G01 นั้น Huawei พัฒนาเพื่อใช้งาน 5G บนเครือข่าย อุปกรณ์ และชิปเซ็ต
โดย HUAWEI 5G CPE มี 2 รุ่น รองรับ low frequency (sub6GHz) 5G CPE และ high frequency (mmWave) 5G CPE ตามลำดับ
สำหรับ HUAWEI low frequency 5G CPE ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา รองรับ 4G และ 5G รองรับการดาวน์โหลด 2Gbps ไวกว่าไฟเบอร์ 100Mbps ถึง 20 เท่า
ส่วน HUAWEI high frequency 5G CPE รองรับการใช้งานทั้ง in indoor และ outdoor
Huawei จับมือกับโอเปอเรเตอร์ Vodafone, Softbank, T-Mobile, BT, Telefonica, China Mobile และ China Telecom
ในงาน CES 2019 เราได้เห็นเร้าเตอร์ของ D-Link ซึ่งรองรับ 5G โดยผู้ที่ได้ประโยชน์ก็คือ คนที่ทำงานรีโมทระยะไกลผ่านอินเทอร์เน็ต โดยจะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2019
D-Link พัฒนาเร้าเตอร์ 5G NR Enhanced Gateway (DWR-2010) โดยอ้างว่าเป็นเร้าเตอร์ 5G ตัวแรก ซึ่งเรียกเสียงฮือฮามากในงาน CES 2019 ให้ความเร็วสูงกว่า fixed broadband ใน U.S. ถึง 40 เท่า
D-Link DWR-2010 เลือกใช้ชิปเซ็ตของ Qualcomm และนี่คือรายละเอียดที่เปิดเผย ณ ปัจจุบัน
เราจะได้เห็นเราเตอร์ 5G ของ D-Llink ในช่วงครึ่งหลังของปี 2019 และถึงแม้จะมีความพร้อมใช้งาน 5G ในการวางจำหน่าย DW-2010 จะไม่ขายให้กับลูกค้า Consumer ทั่วไป แต่ให้บริการกับผู้ให้บริการโอเปอเรเตอร์ที่ให้บริการ 5G ชิปเซ็ต 5G ในท้องตลาด
แต่ทั้งนี้ เป็นช่วงเริ่มต้นของ 5G ดังนั้น Router ยังมีราคาสูงอยู่ ซึ่งคาดว่ากว่าจะพร้อมกันจริงๆ ก็ปี 2020 ซึ่งต้องรอเครือข่ายพร้อม เครื่องลูกข่าย (สมาร์ทโฟน คอม) พร้อมด้วยครับ แต่ก็ถือว่า 5G เริ่มต้นขึ้นแล้ว
qualcomm dailyhunt.in netscribes infographic venturebeat huawei sdxcentral mybroadband.co.za