Cisco มีแนวทางในการใช้เทคโนโลยี WiFi 6 บนผลิตภัณฑ์ Access Points โดยเน้นไปที่การส่งมอบเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ การพัฒนาการสื่อสารไร้สายเพื่อรองรับตลาดองค์กร
Scott Harrell รองประธานอาวุโสและผู้จัดการเครือข่ายองค์กรของ Cisco กล่าวว่า นี่คือโอกาสในการเข้าถึงเครือข่ายไร้สายองค์กรที่ไม่ถูกละเลย CISCO พยายามนำเสนอบริการที่ดีที่สุด แม้ไม่ถึงกับเปลี่ยนความคาดหวังของลูกค้า แต่ก็ไม่ทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดี และนี่คือ Wireless-First World
นโยบายในการให้บริการ Wireless-First Enterprise World โดยให้บริการผ่านเทคโนโลยี WiFi 6 ผ่าน Access Points (AP) สำหรับ Cisco ตระกูล Catalyst และ Meraki ออกแบบให้รองรับการให้บริการ WiFi 6 (802.11ax) ในพื้นที่สาธารณะหรือพื้นที่ส่วนตัว และยังครอบคลุมไปถึงการให้บริการร่วมกับ Internet of Things (IoT) และในสำนักงาน สามารถใช้งานที่ต้องการแบนด์วิธสูง อย่างเช่นวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
สำหรับ Cisco ในตระกูล Catalyst 9100 และ Meraki MR 45/55 เป็น Access Points ที่รองรับ WiFi-6 โดยรวมเอาการเชื่อมต่อผ่านโปรโตคอล pre-802.1ax ซึ่งการทำงานจะตรวจสอบการเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์ และหากพบปัญหาและความเสี่ยงต่อความปลอดภัยก็จะรายงานอย่างทันท่วงที
นอกเหนือจาก WiFi 6 แล้ว อุปกรณ์ CISCO ยังรอบรับการสื่อสารกับโปรโตคอล Zigbee, BLE และ Thread ซึ่ง AP ของ Catalyst รองรับ uplink สูงสุดที่ 2.5 Gbps นอกจาก 100 Mbps และ 1 Gbps โดยรองรับสายแลน Cat.5e เช่นเดียวกับ 10GBASE-T (IEEE 802.3bz)
ด้วยปริมาณการรับส่งข้อมูลแบบไร้สายในปัจจุบัน มีการทำงานร่วมกับการรับส่งข้อมูลแบบมีสาย เทคโนโลยีในการสื่อสารแบบมีสายก็ยังมีการพัฒนา multi-gigabit Ethernet เพื่อรองรับแบนด์วิธที่สูงขึ้นในการทำงานร่วมกับเลเยอร์หลัก
การจัดการทราฟฟิคการรับส่งข้อมูลแบบไร้สาย เป็นเหตุผลที่ CISCO อัพเกรด Catalyst 6000 เป็น Catalyst 9600 ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากรองรับ Cat 6000 ใช้งานบนเทคโนโลยี MPLS, virtual switching และ IPv6 ในขณะที่มีการเพิ่มการรองรับระบบเครือข่ายไร้สายแบบ Intent-based networking (IBN) และเรื่องความปลอดภัย ทำให้ 9600 ช่วยเติมเต็มผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม 9200 สำหรับ Access Switches และ 9500 Aggregation Switch รวมไปถึง 9800 Wireless Controller ด้วย
จะเห็นได้ชัดว่า CISCO พยายามรุกและเอาจริงเอาจังกับผลิตภัณฑ์ 9600 เพื่อรองรับการให้บริการเครือข่ายองค์และและดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งช่วยรองรับทราฟฟิคในปริมาณมากได้
โดย 9600 รุ่นใหม่ ต่อยอดจาก รุ่นเดิมอย่าง Catalyst 9800 ด้วยประสิทธิภาพการรับส่งข้อมูลที่ 40Gbps ถึง 100Gbps ขึ้นอยู่กับรุ่นที่รองรับ ยืดหยุ่นต่อการอัพเกรด รองรับ Encrypted Traffic Analytics (ETA) การกำหนด policy-based micro- และ macro- รวมไปถึงการตรวจจับมัลแวร์ บนเครือข่ายมีสายและไร้สาย
ผลิตภัณฑ์ตระกูล Catalyst 9000 รองรับการทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นของ Cisco ไม่ว่าจะเป็น DNA Center ซึ่งมีความสามารถในการควบคุม Automation การตั้งค่าเครือข่ายขององค์กร
ถึงแม้ว่า AP ใหม่จะเป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ แต่ผู้ผลิตรายอื่นอย่างเช่น Aruba, NetGear และ EnGenius ต่างก็กำลังพยายามผลักดันอุปกรณ์ standard 802.11ax
Cisco ลุยมาทางตลาดนี้อย่างชัดเจน โดยมาตรฐานนี้จะได้รับการรับรองในปลายปีนี้ และในช่วงต้นปีหน้า เราจะได้เห็นจำนวนการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ WiFi 6 จำนวนมาก และเป็นมาตรฐาน WiFi ภายในปี 2022
และด้วยความที่เป็นช่วงของการพัฒนา Cisco ได้ร่วมพัฒนา DevNet กับ software development community เพื่อต่อยอดกับ AP และ 9600 switch เพื่อสร้างห้องปฏิบัติการ WiFi 6 learning labs, sandboxes และมี resources ให้นักพัฒนา
Cisco Catalyst และ Meraki เป็นแพล็ตฟอร์มเปิดและรองรับการปรับแต่งได้จนถึงระดับชิปเซ็ตเพื่อกำหนดค่าเครือข่าย นอกจากนี้ยังมีโครงการ OpenRoaming project ที่ได้ร่วมกับผู้ผลิตอย่าง Apple, Samsung, Boingo, Presidio และ Intel ในการพัฒนาเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านระบบเครือข่ายไร้สายและ LTE ได้อย่างราบรื่น