Vodafone เริ่มให้บริการ 5G ใน UK เดือนกรกฎาคมนี้ สำหรับลูกค้าธุรกิจและลูกค้าทั่วไป โดยจะทำให้การรับส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตรวดเร็ว และเสถียรมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตหนาแน่น
โดยในช่วงเริ่มต้นนี้ Vodafone ประเดิมเปิดให้บริการใน 7 รัฐ คือ
Birmingham
Bristol
Cardiff
Glasgow
Manchester
Liverpool
London
ในข่าวประชาสัมพันธ์ของ Vodafone ยังเสริมอีกว่า ประสบการณ์ใหม่ที่ผู้ใช้จะได้รับก็คือ ความเร็วบนเครือข่าย 5G ที่ไวกว่า 4G ถึง 10 เท่า ซึ่งเราได้ทดสอบแล้วว่าใช้งานได้ยอดเยี่ยมในพื้่นที่มีการใช้งานหนาแน่น อย่างสนามบิน และสถานีรถไฟ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เสร็จก่อนจะออกเดินทางด้วยเสียอีก
ซึ่งผู้ใช้เองจะต้องมีสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G และเร้าเตอร์ที่รองรับเทคโนโลยีนี้ด้วย ล่าสุด บนเว็บไซต์ Vodafone UK ได้มีการเผยรายละเอียดเครื่องพร้อมแพ็กเกจ 5G-ready plan พร้อมเริ่ม Pre-Order Samsung Galaxy S10 5G เพื่อรองรับการใช้งาน 5G รวมไปถึง Xiaomi Mi MIX 3 5G โดยผูกสัญญา 24 เดือน
และนี่คือราคาผูกสัญญาพร้อมแพ็กเกจ
ราคาไม่ได้ต่างจาก 4G มากนัก โดยหากพื้นที่รองรับ จะสามารถใช้งาน 5G บนมือถือ 5G ได้ แต่หากไม่มี 5G ให้บริการ จะใช้บริการ 4G, 3G, 2G ขึ้นอยู่กับสัญญาณในบริเวณนั้น
หลังจากนี้จะขยายการให้บริการครอบคลุมพื้นที่ต่อไปนี้ก่อนสิ้นปี
Birkenhead
Blackpool
Bournemouth
Guildford
Newbury
Portsmouth
Plymouth
Reading
Southampton
Stoke-on-Trent
Warrington
Wolverhampton
รัฐบาลสหราชอาณาจักรยังคงทบทวนการพิจารณาจำกัดและปิดกั้นการใช้งานอุปกรณ์จาก Huawei ในแง่ของความเสี่ยงภัยไซเบอร์ อย่างไรก็ตาม มีข่าวหลุดออกมาเมื่อเดือนก่อนว่า ผู้ให้บริการเครือข่ายอนุญาตให้อุปกรณ์เชื่อมต่อ Radio Access Network (Ran) กับ Huawei ซึ่งทำให้สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ สามารถเชื่อมกับระบบได้
อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การให้บริการ 5G อาจล่าช้า หากไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ของ Huawei ต่อไป ซึ่ง Vodafone จะใช้ชุดอุปกรณ์ของ Ericsson แทน ในขณะที่การแบนนี้จะกระทบเฉพาะอุปกรณ์ 4G ของ Huawei ทั้งนี้ Vodafone ไม่ได้ใช้อุปกรณ์ของ Huawei เป็นแกนหลักของเครือข่าย ซึ่งมีหน้าที่รวบรวมข้อมูลการจัดเก็บค่าบริการและตัดสินใจในการกำหนดการส่งสัญญาณเสียงและดาต้า
สหรัฐฯยังคงกดดันอังกฤษเพื่อหลีกเลี่ยงการทำธุรกิจกับ Huawei โดยอ้างว่า ขัดขวางหรือสอดแนมการสื่อสารของลูกค้าโดยรัฐบาลจีน
บริษัท ที่อยู่ในเซินเจิ้นปฏิเสธว่าไม่มีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น และยินดีที่จะลงนามข้อตกลง "no-spy" กับสหราชอาณาจักรและรัฐบาลอื่น ๆ