สำหรับอัตราการใช้บริการของลูกค้าเมื่อเทียบกับความสามารถในการให้บริการของดาวเทียม ณ สิ้นไตรมาส 2/62 อัตราการใช้บริการดาวเทียมแบบทั่วไปซึ่งประกอบด้วยดาวเทียมไทยคม 5, 6, 7 และ 8 อยู่ที่ระดับ 53% ซึ่งใกล้เคียงกับ ณ สิ้นไตรมาส 1/62 และสำหรับดาวเทียมบรอดแบนด์หรือดาวเทียมไทยคม 4 มีอัตราการใช้บริการอยู่ที่ระดับ 24% ลดลงจาก 31% ณ สิ้นไตรมาส 1/62
)
Chaiwat Arsirawichai นักวิเคราะห์จากตลาดหุ้นจาก UOBKayHian ระบุว่า ผลประกอบการด้านธุรกิจดาวเทียมในครั้งนี้เป็นสิ่งที่น่าผิดหวัง ซึ่งความเสี่ยงจะค่อยๆ ลดลงในปี 2562 และจะเริ่มเห็นการทำกำไรต่อไป


สิ่งที่จะต้องแก้ไขคือ การใช้งานดาวเทียมไทยคม 4 หรือดาวเทียมบรอดแบนด์ ที่ต้องมีลูกค้าปริมาณคงที่ให้มากกว่านี้ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวต่างชาติซึ่งเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทำให้ราคาที่มาจากช่องทางนี้ไม่คงที่



ยังไม่รวมข้อมูลจากการลงทุนการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศลาวที่มีการแข่งขันสูง และได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อการลงทุนร่วมกันกับพันธมิตรอีกด้วย ส่วนปัญหาส่วนตัวของทางไทยคมเองนั้นยังไม่มีความแน่นอนในระบบสัญญาสัมปทานอีกด้วย

เห็นเพียงแต่รายได้ที่มันคงเพียงเรื่องเดียวคือเรื่องการให้บริการ Must Carry

ซึ่งปัญหาดังกล่าวทางไทยคมพยายามแก้ไขโดยการหาลูกค้าใหม่เพิ่มเติมเข้ามาในระบบทั้ง Canal + จากประเทศพม่า , DTH จากประเทศไทย , WIT จากประเทศฟิลิปปินส์ , KDDI จากประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ไทยคมจะได้เตรียมเซ็นสัญญา IndusInd Media & Communications Ltd (IMCL) ของประเทศอินเดีย เพิ่มทำให้เพิ่มแบนด์วิดธ์เพิ่มเติม 806 เมกะเฮิร์ตซ์ (MHz) ในระยะ 2 ปี กับทาง Antrix ทำให้รวมแล้วไทยคมรวมเช่าแบนด์วิดธ์รวมอยู่ที่ 2,293 MHz

Prasit Sujiravorakul จากตลาดหลักทรัพย์บัวหลวงกล่าวว่า สาเหตุหลักของรายได้ที่ลดลงเกิดจากการลดราคาให้กับทางทรูวิชั่นส์เพื่อแลกกับการต่อสัญญาระยะยาว และรายได้ที่เกิดจากการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมจากดาวเทียมไอพีสตาร์ลดลง 7%

Anant Kaewruamvongs ดำรงตำแน่ง CEO ของ Thaicom กล่าวว่า ทางไทยคมได้เตรียมการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ใบอนุญาตดาวเทียมใหม่จากต่างประเทศ และปฏิบัติตามใบอนุญาตจากรัฐบาลไทย รวมถึงการลงทุนดาวเทียมดวงใหม่ในอนาคตอีกด้วย

ข้อมูล  intouchcompany  satellitetoday  intouchcompany