Michel Combes ดำรงตำแหน่ง Sprint CEO ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ รายใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกา เตรียมให้บริการ 5G ครอบคลุมจำนวนประชากร 1.7 ล้านคนในนิวยอร์กซิตี้ และอีก 1 ล้าน ใน 9 เมืองทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้ง Los Angles, Washington, D.C และ Phoenix
ซึ่งตัวของ Sprint เน้นการใช้อุปกรณ์ Nokia gear และ 5G Massive MIMO radios รวมถึงโหนด ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถรับส่งสัญญาณดังกล่าว ได้ทั้ง 4G LTE Advanced และ 5G NR service
ที่ผ่านมาติดตั้งโครงข่าย 5G ได้ช้ากว่ากำหนดเนื่องจากความล่าช้าของซอฟต์แวร์จากผู้ขาย RAN vendor Nokia’s
โดยอุปกรณ์นี้มีความสามารถพิเศษนั้นคือการรวมเทคโนโลยี 2 อย่างมาไว้ที่เดียวกัน หรือ The carrier's dual-mode technology และยังพัฒนาระบบ E-UTRAN New Radio (ENDC) ตัวอุปกรณ์นั้นรับส่งสัญญาณ 64T/64R 5G Massive MIMO radios บนคลื่นความถี่ 2.5 GHz spectrum ซึ่งได้ความเร็วอินเทอร์เน็ตในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าไม่ได้ความเร็วสูงเหมือนกับใช้คลื่นความถี่สูงๆ อย่าง (Millimeter wave spectrum)
โดยความเร็วที่ได้นั้นอยู่ที่ 100 Mbps ขึ้นไป โดยทางผู้ให้บริการใช้ OnePlus 7 Pro 5G เป็นการทดสอบระบบ 5G เช่น East Village รวมถึง Astor Place ซึ่งเป็นบริเวณกลางเมือง ได้ความเร็วอยู่ที่ 100 - 237 Mbps
ซึ่งรองรับการทำงานระบบ 4G และ 5G ในเวลาเดียวกัน โดยสิ่งที่ Sprint ให้ความกังวลมากที่สุดคือประสบการณ์ของผู้ใช้ 4G LTE ต้องไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น
ซึ่งบนถนนในนิวยอร์กมีความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก ส่งผลทำให้รับส่งสัญญาณเป็นจำนวนมากเช่นกัน
Verizon ยังได้นำอุปกณ์ 5G ในรูปแบบ house wireless small cell ติดตั้งบนเสา ทำให้ดูเนียนไปกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากทาง Verizon ต้องติดตั้งอุปกรณ์ 5G เป็นจำนวนมาก เนื่องจากใช้ความถี่ 3.5 GHz และ 28 GHz ในการให้บริการ
โดยเริ่มติดตั้ง Columbus, Cleveland and Cincinnati, Ohio; Anaheim, San Diego และ Los Angeles, California ซึ่งติดตั้งไปแล้ว 350 แห่ง ในสิ้นปี 2562 จะทำการติดตั้งเสาสัญญาณถึง 1000 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามที่ the city council ได้กำหนด
ข้อมูล fiercewireless 2 venturebeat