โรซัน หลัว ผู้จัดการประจำประเทศไทย เสียวหมี่ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) กล่าวว่า “Redmi Note เป็นหนึ่งในซีรี่ย์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของเสียวหมี่ในทุกตลาดทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย โดยซีรี่ย์นี้แสดงให้เห็นถึงปรัชญาแนวคิดของเราในการสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง นอกจากสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้จะได้ถูกออกแบบมาให้สอดรับกับแนวคิดดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์แบบจนได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าทึ่งแล้วราคายังเป็นที่น่าดึงดูดใจอีกด้วย และผมมั่นใจว่าสำหรับแฟนที่รักเสียวหมี่และรอคอย Redmi Note 8 และ Redmi Note 8 Pro จะต้องถูกใจอย่างแน่นอน เพราะเราเองก็รู้สึกดีมากและตื่นเต้นที่จะได้ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดนี้ถึงมือทุกคนเช่นกัน”
Redmi Note 8 Pro
หลังจากการเปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับกลางในจีน Redmi Note 8 Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของเสี่ยวหมี่ที่มาพร้อมกับกล้องที่คมชัดขั้นสุด 64 ล้านพิกเซล ที่มีกล้องให้มากถึง 4 ตัว พร้อมระบบระบายความร้อน LiquidCool อันทรงพลัง ทำให้เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ เหล่าเกมเมอร์ หรือผู้ที่มองหาประสบการณ์การใช้งานสินค้าคุณภาพระดับเรือธง
เก็บภาพสวยสมใจด้วยความคมชัดขั้นสุด 64 ล้านพิกเซล กับกล้องถึง 4 ตัว
Redmi Note 8 Pro ไม่ได้มีแค่สามกล้อง แต่ให้มากถึง 4 กล้องคุณภาพจัดเต็ม กล้องหลักมอบความคมชัดและรายละเอียดขั้นสุดระดับ 64 ล้านพิกเซล คมชัดจนสามารถนำภาพที่ถูกถ่ายด้วย Redmi Note 8 Pro ในโหมด 64 ล้านพิกเซล มาทำสื่อสิ่งพิมพ์ได้จนมีขนาดใหญ่ถึง 3.26 เมตรเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเก็บภาพแสงสียามค่ำคืนหรือในสภาวะแสงน้อยได้ดีกว่าที่เคยด้วยการรวมพิกเซลจาก 4 เป็น 1 โดยเพิ่มขนาดพิกเซลต่อจุดให้ใหญ่ขึ้นเป็น 1.6 ไมครอน ซึ่งจะรับแสงได้ไวกว่าเดิม ส่งผลให้ภาพมีความละเอียดมากขึ้น ส่วนกล้อง ultra-wide angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เก็บภาพมุมกว้างได้สวยสมบูรณ์แบบและกว้างถึง 120 องศา และเสริมทัพด้วย 2 เลนส์สำคัญ ทั้งเลนส์ macro ที่ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และเลนส์ depth ที่ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล มาผนึกกำลังกันมาสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับกล้องตัวท็อปของ Redmi และที่ล้ำไปกว่านั้น คือกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี AI พร้อมเก็บทุกรายละเอียดที่สำคัญ ด้วยโหมด portrait selfies, scene detection และ face unlock ปรับภาพให้สวยทุกมุมมอง
เมื่อความคงทนมาผสานกับดีไซน์สุดหรูอย่างลงตัว
Redmi Note 8 Pro นำนวัตกรรม Corning® Gorilla® Glass 5 มาใช้กับตัวเครื่องทั้งด้านหน้าและหลังเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากการตกกระแทกและการขีดข่วน และยกระดับความคงทนขึ้นอีกขั้นโดยใช้เทคโนโลยีป้องกันน้ำและป้องกันฝุ่นระดับ IP52 มีให้เลือกถึงสามสีหลายสไตล์ในแบบคุณ ไม่ว่าจะเป็น Mineral Grey, Pearl White และ Forest Green
มอบประสิทธิภาพชั้นเลิศสำหรับประสบการณ์เล่นเกมส์เหนือระดับ
Redmi Note 8 Pro มอบประสิทธิภาพการเล่นเกมส์ที่เหนือระดับ ด้วยการนำเทคโนโลยีหน่วยประมวลผลอันทันสมัยจาก MediaTek Helio G90T ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล CPU Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.05 GHz และเทคโนโลยีหน่วยประมวลผลกราฟฟิกล่าสุด GPU Arm Mali-G76 3EEMC4 ให้ความถี่สูงสุด 800MHz และ AI อัดแน่นถึง 1 TMACs พร้อมฟีเจอร์ LiquidCool ซึ่งเป็นรุ่นแรกในซี่รี่ย์ Redmi Note ที่ได้ใช้เทคโนโลยีนี้ ทำให้คุณสามารถใช้งานแบบไฮสปีดได้อย่างเพลิดเพลิน ไร้กังวลว่าเครื่องจะร้อนเกินไปเมื่อเล่นเกมส์ และพ่วงมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุขั้นสุดถึง 4500 mAh ซึ่งเป็นความจุสูงที่สุดของรุ่น Redmi Note ที่มีตอนนี้ ขนมาพร้อมกับฟีเจอร์อีกมากมาย ทั้งโหมดประหยัดพลังงาน และระบบปรับความสว่างอัจฉริยะเพื่อช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ให้คุณใช้งานได้นานขึ้น รองรับระบบชาร์จเร็ว 18 วัตต์ มี IR Blaster และช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร อีกด้วย
Redmi Note 8
Redmi Note 8 มาพร้อมฟีเจอร์อัดแน่น ด้วยความคมชัดระดับอัลตร้าถึง 48 ล้านพิกเซล จากกล้องถึง 4 ตัว ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Qualcomm® Snapdragon™ 665 ชิปเซ็ตทรงพลัง เทคโนโลยี AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่ให้กับโทรศัพท์ของคุณเพื่อการใช้งานที่ยาวนานตลอดวัน และมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4000mAh และที่พิเศษไปกว่านั้น คือฟังก์ชันการทำความสะอาดตัวเองของลำโพง ที่สามารถไล่ฝุ่นหรือสิ่งสกปรก ผ่านคลื่นความถี่ต่ำ Sonic Pulses (พัลส์)
เก็บภาพสวยคมชัดได้มากกว่ากับกล้อง 4 ตัว ความละเอียดมากถึง 48 ล้านพิกเซล
Redmi Note 8 คือขุมพลังแห่งการถ่ายภาพ ที่มาพร้อมกับกล้องหลังถึง 4 ตัว ซึ่งกล้องหลักมีความคมชัดระดับอัลตร้า 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ ½ นิ้วและรูรับแสงขนาด f/1.79 และมุมมองภาพในมุมกว้างขนาด 79.4° ในขณะที่กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สามารถขยายมุมมองภาพที่กว้างได้มากถึง 120° พ่วงมาด้วยเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่ผสานการทำงานกันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะถ่ายภาพใกล้หรือไกลก็สามารถเก็บภาพสวยสมใจได้ สำหรับกล้องหน้า Redmi Note 8 ก็มาพร้อมกับกล้องเซลฟี่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ด้วยรูรับแสงขนาด f/2.0 พร้อมเทคโนโลยี AI ที่จะช่วยให้คุณถ่ายรูปเซลฟี่ให้ออกมาสวยสมบูรณ์ กล้องหน้ายังมีฟีเจอร์พาโนรามาเซลฟี่ ที่สามารถถ่ายรูปกลุ่มครบทุกคนในภาพโดยที่ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งโดนตัดออกไป ถือได้ว่า Redmi Note 8 เป็นรุ่นแรกในตระกูล Redmi ที่ทำได้
ความคงทนผสานเข้ากับความสะดวกสบาย
หน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความคมชัดระดับ FHD+ และเป็นหน้าจอแสดงผลแบบ Dot Drop ดีไซน์กระจก 2.5D ขอบโค้งมนรอบด้าน มอบประสบการณ์การมองเห็นสุดพิเศษระดับ FHD+ อัตราส่วนพื้นที่หน้าจอที่มีมากถึง 90% ช่วยให้คุณดูได้อย่างเต็มตา ทั้งยังได้รับมาตรฐานการรับรองการป้องกันแสงสีฟ้า จาก TÜV Rheinland ให้คุณใช้งานอย่างสบายตาและช่วยป้องกันอาการเมื่อยล้าของดวงตา คุณสามารถสัมผัสได้ถึงความคงทนที่อัพเกรดขึ้น เพราะจอแสดงผลใช้ Corning® Gorilla® Glass 5 เพื่อความทนทานของหน้าจอและฝาหลัง Redmi Note 8 มีสามสีให้เลือกดังนี้ Space Black, Neptune Blue และ Moonlight White
ราคาและการจัดจำหน่าย Redmi Note 8 Pro
แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำ
Redmi Note 8 Pro รุ่น RAM 6GB+64GB และ RAM 6GB+128GB มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Mineral Grey, Pearl White และ Forest Green จะเริ่มเปิดอย่างจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ผ่าน 3 แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ JD CENTRAL, Lazada และ Shopee ในวันที่ 10 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00 น. ในราคา 7,999 บาท และ 8,999 บาท
AIS
ในวันที่ 10 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00 น. เอไอเอสจะเปิดจำหน่ายรุ่น Redmi Note 8 Pro รุ่น RAM 6GB+128GB ที่เอไอเอสช็อปและเทเลวิซที่ร่วมรายการ โดยมอบ 2 ข้อเสนอสุดพิเศษจากแพ็กเกจ AIS 4G Hot deal MAXX speed ให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของ Redmi Note 8 Pro สมาร์ทโฟนทรงพลังที่คมชัดขั้นสุดระดับ 64 ล้านพิกเซล ที่มีกล้องให้มากถึง 4 ตัว บนเครือข่ายคุณภาพอันดับ 1 ของประเทศ ที่เร็ว แรง และเสถียรที่สุด
• ข้อเสนอสุดพิเศษแรก มอบส่วนลดค่าเครื่อง 3,300 บาท เหลือเพียง 5,699 บาท (จากราคาปกติ 8,999 บาท) เมื่อชำระค่าบริการล่วงหน้า 1,500 บาท พร้อมสมัครแพ็กเกจ AIS 4G Hot deal MAX speed 449 บาท
• ข้อเสนอสุดพิเศษที่สอง มอบส่วนลดค่าเครื่อง 4,300 บาท เหลือเพียง 4,699 บาท (จากปกติ 8,999 บาท) เมื่อชำระค่าบริการล่วงหน้า 2,000 บาท พร้อมสมัครแพ็กเกจ AIS 4G Hot deal MAX speed 649 บาท
ในขณะเดียวกันเสียวหมี่จะเปิดจอง Redmi Note 8 Pro รุ่น RAM 6GB+64GB และ RAM 6GB+128GB ณ TGFone, BananaIT, BKK, Kingkong Phone และร้าน Mi Authorized Store ทั่วประเทศ ในราคา 7,999 บาท และ 8,999 บาท
ราคาและการจัดจำหน่าย Redmi Note 8
แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำ
Redmi Note 8 รุ่น RAM 4GB+64GB และ RAM 4GB+128GB มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Space Black, Neptune Blue และ Moonlight White วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการพร้อมกับช่องทางออฟไลน์บน 3 แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำ ได้แก่ JD CENTRAL, Lazada และ Shopee ในวันที่ 10 ตุลาคม เวลา 10.00 น. ในราคา 5,999 บาท และ 6,999 บาท
รุ่นพิเศษสำหรับ Pre-Order ! ในวันที่ 10 - 15 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป Redmi Note 8 รุ่น RAM 3GB+32GB มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Space Black, Neptune Blue และ Moonlight White จะเริ่มเปิดให้จองอย่างเป็นทางการ (Pre-Order) ผ่านทั้ง 3 แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำ ได้แก่ JD CENTRAL, Lazada และ Shopee ในราคา 4,999บาท เท่านั้น
AIS
ในวันที่ 10 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00 น. เอไอเอสจะเปิดจำหน่ายรุ่น Redmi Note 8 รุ่น RAM 4GB+64GB ที่เอไอเอสช็อปและเทเลวิซที่ร่วมรายการ โดยมอบ 2 ข้อเสนอสุดพิเศษจากแพ็กเกจ AIS 4G Hot deal MAXX speed ให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของ Redmi Note 8 สมาร์ทโฟนทรงพลังที่คมชัดระดับ 48 ล้านพิกเซล และมีกล้องให้มากถึง 4 ตัว บนเครือข่ายคุณภาพอันดับ 1 ของประเทศ ที่เร็ว แรง และเสถียรที่สุด
• ข้อเสนอสุดพิเศษแรก มอบส่วนลดค่าเครื่อง 2,700 บาท เหลือเพียง 3,299 บาท (จากราคาปกติ 5,999 บาท) เมื่อชำระค่าบริการล่วงหน้า 1,500 บาท พร้อมสมัครแพ็กเกจ AIS 4G Hot deal MAX speed 449 บาท
• ข้อเสนอสุดพิเศษที่สอง มอบส่วนลดค่าเครื่อง 3,700 บาท เหลือเพียง 2,299 บาท (จากปกติ 5,999 บาท) เมื่อชำระค่าบริการล่วงหน้า 2,000 บาท พร้อมสมัครแพ็กเกจ AIS 4G Hot deal MAX speed 649 บาท
Mi Authorized Store และช่องทางอื่น
ในขณะเดียวกันเสียวหมี่จะเปิดจอง Redmi Note 8 ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น RAM 4GB+64GB, RAM 4GB+128GB และ RAM 3GB+32GB ทั้ง 3 สี ณ TGFone, BananaIT, BKK, Kingkong Phone และร้าน Mi Authorized Store ทั่วประเทศ ในราคา 4,999 บาท 5,999 บาท และ 6,999 บาท
นอกจากนั้นเสียวหมี่ยังเปิดตัวอุปกรณ์อัจฉริยะเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนไทย
Mi Air Purifier 3H (เครื่องฟอกอากาศนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากเสียวหมี่)
หลังจากที่ Mi Air Purifier 2S ได้รับการตอบรับอย่างถล่มทลาย ล่าสุด เสียวหมี่ ผู้นำเทคโนโลยีของโลก ได้ประกาศเปิดตัว Mi Air Purifier 3H ในประเทศไทย โดยยังคงการออกแบบในสไตล์ที่คลาสสิคและมินิมอลตามแบบฉบับของเสียวหมี่ และเพิ่มประสิทธิภาพการฟอกอากาศของ Mi Air Purifier 3H โดยให้ตัวกรอง HEPA ซึ่งกำจัดอนุภาคขนาดจิ๋วถึง 99.97% และ CADR รุ่นอัพเกรด 380 m3/h ครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 45 ตารางเมตร ด้วยเซ็นเซอร์อนุภาคในตัวเครื่องฟอกอากาศนี้ จะปรับความเร็วพัดลมอย่างชาญฉลาดตามคุณภาพอากาศ แสดงข้อมูลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์บนหน้าจอสัมผัส OLED ที่เพิ่มมาใหม่ในรุ่นนี้ ซึ่งผู้ใช้สามารถเปิด / ปิดอุปกรณ์ปรับความเร็วพัดลมและอื่น ๆ ด้วยตนเอง พร้อมกันนี้ Mi Air Purifier 3H ยังทำงานเข้ากันได้ดีกับ Google Assistant และ Amazon Alexa ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมอุปกรณ์ด้วยคำสั่งเสียงได้จากระยะไกล และผู้ใช้ยังสามารถจับคู่ Mi Air Purifier 3H กับเสียวหมี่ที่เป็นอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่น ๆ เช่น Mi Smart Sensor Set เพื่อสร้างรูปแบบการทำงานและระบบอัตโนมัติด้วยแอพ Mi Home ได้อีกด้วย
Mi Air Purifier 3H มีกำหนดจะวางจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ที่ร้าน Mi Authorized Store และร้านค้าที่รับการแต่งตั้งจากเสียวหมี่อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ในราคา 5,990 บาท
Mi Handheld Vacuum Cleaner เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Mi
เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Mi ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ DC Brushless ที่มีรอบหมุนมากถึง 100,000 รอบใน 1 นาที และมีพลังการดูดมากถึง 100 แอร์วัตต์ ใช้เทคโนโลยี 9-cyclone หรือเทคโนโลยีแรงดูดพลังไซโคลน มาพร้อมหัวแปรงสำหรับดูดฝุ่นถึง 4 แบบที่ช่วยให้คุณสามารถดูดฝุ่นได้อย่างสะดวกแม้ในซอกเล็กๆ และสามารถแยกอนุภาคฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพระดับ 99.97 % ทำให้สามารถดูดฝุ่นขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง เกสร ขนสัตว์ เส้นผม เส้นขน และอีกมากมาย ในขณะที่เครื่องทำงานและดูดสิ่งสกปรก เครื่องจะทำการกรองสิ่งสกปรกและคืนอากาศบริสุทธิ์กลับมาให้ห้องของคุณ เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Mi ยังมาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงาม และออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายขึ้นโดยไม่มีสายไฟมากวนใจ ทำให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น เท่านั้นยังไม่พอเครื่องยังมาพร้อมกับถังเก็บสิ่งสกปรกที่ถอดทิ้งง่าย ไม่ต้องเปลืองแรงเปลี่ยนถุงทำความสะอาดให้ยุ่งยาก
Mi Handheld Vacuum Cleaner เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Mi มีกำหนดจะวางจำหน่ายแล้ว ที่ร้าน Mi Authorized Store และร้านค้าที่รับการแต่งตั้งจากเสียวหมี่อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ในราคา 8,490 บาท
เกี่ยวกับเสียวหมี่
เสียวหมี่ ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2553 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Main Board of the Hong Kong Stock Exchange ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 (1810.HK.) เสียวหมี่ บริษัทให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟน และสมาร์ทฮาร์ดแวร์ เพื่อเชื่อมต่อสู่แพลตฟอร์ม IoT
ด้วยวิสัยทัศน์ของการเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานและการเป็นบริษัทที่โดดเด่นที่สุดในใจของลูกค้า เสียวหมี่ มุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เสียวหมี่ ไม่ลดละสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจในราคาเพื่อมอบโอกาสให้ทุกคนบนโลกได้เพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรม
ปัจจุบัน เสียวหมี่ เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 4 ของโลก และได้สร้างแพลตฟอร์ม IoT สำหรับลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยสมาร์ทดีไวซ์มากกว่า 196 ล้านผลิตภัณฑ์ (ทั้งนี้ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสียวหมี่ วางจำหน่ายมากกว่า 80 ประเทศ และภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก และอยู่ในอันดับต้นในตลาดสำคัญต่างๆ ด้วยความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของเสียวหมี่ ในเดือนกรกฎาคม 2562 เสียวหมี่ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน “Fortune Global 500” หรือการจัดอันดับบริษัทที่ทำรายได้สูงที่สุดในโลก 500 บริษัท ประจำปี 2562 ของนิตยสารฟอร์จูนเป็นครั้งแรก โดยอยู่ในอันดับที่ 468 และบริษัทยังอยู่ในอันดับ 7 ของประเภทบริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตและการค้าปลีก และเป็นบริษัทที่มีอายุการก่อตั้งและระยะเวลาในการดำเนินกิจการน้อยที่สุดที่ได้รับการจัดอันดับในปีนี้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวเสียวหมี่ สามารถเข้าชมได้ที่ http://blog.mi.com/en/