อเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “จากผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของดีแทคที่สะท้อนถึงความพยายามอย่างยิ่งในการพัฒนาโครงข่ายในการให้บริการอย่างไม่หยุดยั้ง ดังเห็นได้จากผลตอบรับของลูกค้าในระบบเติมเงินและลูกค้ารายเดือนต่อการพัฒนาที่ดีขึ้นของโครงข่าย ตลอดจนความพยายามในการสร้างประสบการณ์ในการบริการที่เป็นรูปแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น โดยในเชิงกลยุทธ์ ดีแทคยังคงมุ่งเน้นในการสร้างประสบการณ์การใช้งานโครงข่ายที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสามารถตอบสนองลูกค้าด้วยความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง”
ในช่วงปีที่ผ่านมา ดีแทคได้พัฒนาคุณภาพและขยายพื้นที่โครงข่ายอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มอัตราการขยายสถานีฐานเป็น “เท่าตัว” เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในการใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เสาสัญญาณเพื่อให้บริการบนคลื่น 2300 เมกะเฮิร์ซมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 16,400 เสา โดยมีเสาสัญญาณจำนวนมากที่มีการติดตั้งเทคโนโลยี 4G TDD Massive MIMO 64T64R ซึ่งดีแทคเป็นผู้ให้บริการรายแรกของไทยที่ให้บริการเทคโนโลยีดังกล่าว นอกจากนี้ ดีแทคยังคงพัฒนาด้านเทคโนโลยีในการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ยุค 5G โดยการทดสอบเทสต์เบดที่อาคารจามจุรี รวมไปถึงการอัพเกรดอุปกรณ์ระบบเครือข่ายหลักไปเป็นแบบเสมือน
ณ สิ้นไตรมาส 3/2562 ดีแทคมีจำนวนลูกค้าทั้งสิ้น 20.4 ล้านราย ลดลง 217,000 ราย ขณะที่รายได้จากการให้บริการที่ไม่รวมค่า IC เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของรายได้จากกลุ่มลูกค้าระบบเติมเงินและการรักษาระดับการพัฒนารายได้จากกลุ่มลูกค้าในระบบรายเดือน ในส่วนของกำไรสุทธิในไตรมาสที่ผ่านมามีมูลค่า 1,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นผลจาก EBITDA หรือผลกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจ่ายที่ดีขึ้น
ดิลิป ปาล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการเงิน กล่าวว่า “ดีแทคมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่แข็งเแกร่ง โดยรายได้จากการให้บริการที่ไม่รวมค่า IC เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และด้วยการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ที่ดี ทำให้เรามี EBITDA และกำไรสุทธิที่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน”
ดีแทคยังคงคาดการณ์รายได้จากการให้บริการที่ไม่รวมค่า IC ในปีนี้จะลดลงในอัตราร้อยละที่เป็นเลขหลักเดียวในระดับต่ำ โดยจะมี EBITDA อยู่ในช่วง 2.4-2.5 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ดีแทควางแผนที่จะใช้เงินลงทุนในปี 2562 จำนวนประมาณ 1.3-1.5 หมื่นล้านบาท
ตัวเลขสำคัญทางการเงินในไตรมาส 3/2562 (ก่อนการใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน TFRS 15)
มีรายได้จากการให้บริการที่ไม่รวมค่า IC มูลค่า 15,800 ล้านบาท โตขึ้นร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
EBITDA อยู่ที่ 6,800 ล้านบาท โตขึ้นร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
EBITDA margin (ปรับปรุง) อยู่ที่ร้อยละ 37.9 เพิ่มขึ้น 0.8 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
กำไรสุทธิ อยู่ที่ 1,800 ล้านบาท โตขึ้นร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า