13 ธ.ค. 2562 1,584 0

อรูบ้า (Aruba) เปิดตัวผลิตภัณฑ์สวิตช์รุ่นใหม่ ครอบคลุมการใช้งาน ทั้งระบบเครือข่ายภายในองค์กรธุรกิจ สาขา และดาต้าเซ็นเตอร์

อรูบ้า (Aruba) เปิดตัวผลิตภัณฑ์สวิตช์รุ่นใหม่ ครอบคลุมการใช้งาน ทั้งระบบเครือข่ายภายในองค์กรธุรกิจ สาขา และดาต้าเซ็นเตอร์

วันนี้ อรูบ้า บริษัทในเครือฮิวเล็ตต์แพ็คการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์ (NYSE: HPE) ได้ออกมาประกาศว่าอรูบ้ากำลังเปลี่ยนแปลงกฎของระบบเครือข่ายด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมของอุปกรณ์สวิตช์และซอฟต์แวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะทางของระบบเครือข่ายในองค์กรธุรกิจ สาขา และดาต้าเซ็นเตอร์สมัยใหม่ในทุกวันนี้ โดยผลิตภัณฑ์สวิตช์ตระกูล Aruba CX ได้มีการเพิ่มผลิตภัณฑ์สวิตช์แบบตายตัว Aruba CX 6300 Series  และผลิตภัณฑ์สวิตช์แบบโมดูลาร์ Aruba CX 6400 เข้ามาในฐานะของ Aggregation Switch และ Core Switch อีกทั้งยังมีการเพิ่มนวัตกรรมล้ำสมัยล่าสุดเข้าไปยังระบบปฏิบัติการ AOS-CX ด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้ให้บริการระบบเครือข่ายมีระบบสวิตช์ครบวงจรเพียงระบบเดียวที่บริหารจัดการได้อย่างง่ายดาย ซึ่งสามารถเร่งสร้างผลตอบแทนทางธุรกิจได้อย่างมากมายยิ่งขึ้นสำหรับทั้งปัจจุบันและอนาคต

อรูบ้าเป็นบริษัทแรกที่นำเสนอแพลทฟอร์มสวิตชิ่งซึ่งทำงานบนระบบปฏิบัติการที่ทันสมัยอย่าง AOS-CX สำหรับระบบเครือข่ายส่วนเชื่อมต่อไปจนถึงศูนย์กลางและดาต้าเซ็นเตอร์ แพลทฟอร์มแบบ Cloud-Native โดยเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์นี้ยังได้ถูกปรับปรุงประสิทธิภาพให้สูงยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการใช้เทคโนโลยี Network Analytics Engine (NAE) อันทรงพลังของอรูบ้า ที่นำความสามารถในการทำงานแบบอัตโนมัติและระบบวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งมีอยู่ภายในมาช่วยให้การบริหารจัดการง่ายดายยิ่งขึ้น และแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งสำหรับปัญหาในเชิงประสิทธิภาพของระบบแอปพลิเคชันและปัญหาทั่วไปที่เกิดขึ้นภายในระบบเครือข่าย

“ระบบการทำงานแบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI นี้จะต้องเป็นหัวใจสำคัญของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ตั้งแต่ปลายทางของเครือข่ายไปจนถึงคลาวด์ และเพื่อให้เทคโนโลยีดังกล่าวนี้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ระบบโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะถือเป็นรากฐานที่สำคัญ” คุณ Keerti Melkote ประธานและผู้ก่อตั้งของอรูบ้า บริษัทในเครือฮิวเล็ตต์แพ็คการ์ตเอ็นเตอร์ไพรส์กล่าว “เราเชื่อว่า AI คือกุญแจสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูล, นำเสนอองค์ความรู้ที่พร้อมนำไปใช้งาน และการทำงานโดยอัตโนมัติสำหรับระบบเครือข่ายขนาดใหญ่เพื่อเสริมความสามารถของผู้ให้บริการระบบเครือข่ายให้สามารถตรวจสอบแก้ไขปัญหา, บรรเทาปัญหา และป้องกันปัญหาซึ่งเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดส่วนหนึ่งของงานทางด้าน IT วิสัยทัศน์ของเราต่ออนาคตนั้นก็คือสถาปัตยกรรมแบบ Cloud-Native ที่จะสามารถทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว และนำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ได้ ซึ่งการเปิดตัวในวันนี้ก็คือก้าวสำคัญอันจะนำไปสู่ทิศทางนั้นได้สำเร็จ”

Justin Chiah ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปแห่งอรูบ้าประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวไว้ว่า “ด้วยระบบเครือข่ายหลักของธุรกิจ, สาขา และดาต้าเซ็นเตอร์ทำงานร่วมกันในฐานะของรากฐานสำคัญที่จะขับเคลื่อนดิจิทัลแพลทฟอร์มซึ่งองค์กรธุรกิจที่ทันสมัยในทุกวันนี้ต้องใช้งาน การประกาศในวันนี้ได้แสดงให้เห็นถึงการที่อรูบ้ายังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถจัดการกับกระบวนการทำงานที่หลากหลาย, ระบบเครือข่ายล้าสมัยที่มีอยู่เดิม และประเด็นด้านการมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในระบบเครือข่าย เพื่อสร้างการเชื่อมต่อระหว่างบริการต่าง ๆ อย่างไร้รอยต่อในยุคสมัยแห่ง Edge-Cloud ด้วยการออกแบบด้วยแนวคิด Cloud-Native ความสามารถของ Aruba AOS-CX ได้รวมเอาการทำงานโดยอัตโนมัติและความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลชั้นสูงเอาไว้เพื่อให้นำเสนอข้อมูลต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที เพิ่มความมั่นคงทนทานและความยืดหยุ่น และทำให้องค์กรธุรกิจสามารถเลือกใช้งานการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุดต่อความต้องการเฉพาะทางได้ แนวทางนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับองค์กรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ซึ่งต้องการยกระดับความสำคัญให้กับระบบเครือข่ายที่รองรับต่อการใช้งานในอนาคตได้ท่ามกลางช่วงเวลาที่ดิจิทัลกำลังแผ่ขยายไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง”

ทุกวันนี้ องค์กรธุรกิจไม่อาจคงความสามารถในการแข่งขันได้ด้วยการมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและมีแบนด์วิดธ์ที่มากขึ้นเท่านั้น แต่องค์กรธุรกิจสมัยใหม่นั้นต้องการสถาปัตยกรรมที่ล้ำสมัยซึ่งสามารถตรวจสอบความถูกต้องในการทำงานและปรับแต่งการทำงานได้ด้วยตนเองเพื่อให้การทำงานเป็นอย่างอัตโนมัติครบวงจร สามารถช่วยสนับสนุนระบบแอปพลิเคชั่นที่มีความสำคัญสูงได้อย่างชาญฉลาด ปกป้องเครือข่ายจากการโจมตีรูปแบบใหม่ ๆ และสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรธุรกิจในปัจจุบัน จนถึงตอนนี้ ผู้ให้บริการเครือข่ายก็ยังคงต้องต่อสู้กับสถาปัตยกรรมที่ไม่ยืดหยุ่นและไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องบริหารจัดการออฟฟิศสาขา, ระบบเครือข่ายหลักขององค์กรธุรกิจ และดาต้าเซ็นเตอร์ร่วมกัน สถาปัตยกรรมเหล่านี้ต้องอาศัยกระบวนการที่ผู้ดูแลระบบต้องลงมือจัดการเองบนระบบปฏิบัติการที่หลากหลาย 

ส่งผลให้เกิดการกระจายตัวของระบบปฏิบัติการ และการที่ระบบเครือข่ายไม่อาจตอบสนองต่อความสามารถในสมัยใหม่ และข้อมูลอันไร้ระเบียบปริมาณมหาศาลที่ไม่สามารถนำมาสร้างประโยชน์อันใดได้

Gartner ระบุเอาไว้ว่า “เมื่อความเร็วในการอัปเดตระบบนั้นสูงขึ้น การให้ผู้ดูแลระบบวางแผนในการเปลี่ยนแปลงระบบเครือข่ายสิบส่วน, ร้อยส่วน หรือพันส่วนทุกๆ ครั้งที่แอปพลิเคชั่นมีการเปลี่ยนแปลงด้วยตนเองนั้นก็เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป การจัดการกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ด้วยตนเองนั้นไม่เพียงแต่จะไม่เหมาะสมในทางปฏิบัติเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดปริมาณมหาศาลได้มากอีกด้วย”  กระบวนการที่ผู้ดูแลระบบต้องทำด้วยตนเองนั้นสามารถขัดขวางความสามารถขององค์กรธุรกิจในการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว, การสร้างสรรค์นวัตกรรม และการก้าวสู่ตลาดใหม่เพื่อการแข่งขันได้เป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น อุปสรรคเหล่านี้จำนวนมากยังสามารถถูกก้าวข้ามได้ด้วยระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบ Cloud-Native โดยหากอ้างอิงจาก Gartner แล้ว จะพบว่า ระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบ Cloud-Native จะมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้: 

  • การแบ่งระบบออกเป็นหน่วยย่อย (Modularity)– โดยมีชั้นของการแบ่งแยกบริการแต่ละกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกันออกจากกัน (อย่างเช่น การใช้ Container หรือ Serverless Functions)
  • การควบคุมด้วยโปรแกรมได้ – โดยมีการสนับสนุนการใช้งานและการบริหารจัดการผ่านทางระบบ API และการกำหนดนโยบายได้
  • มีความยืดหยุ่น - ทรัพยากรในระบบสามารถที่จะถูกเพิ่มหรือลดได้อย่างยืดหยุ่นแบบอัตโนมัติและเป็นไปตามนโยบายที่กำหนดเอาไว้ในระบบบริหา
  • มีความมั่นคงทนทาน – แต่ละบริการมีการเชื่อมต่อกันอย่างไม่ยึดติดกันจนเกินไป และทำงานแยกขาดจากกันโดยไม่ส่งผลกระทบต่อกันเมื่อเกิดปัญหาในการทำงาน ”

องค์กรธุรกิจสมัยใหม่นั้นต้องการระบบเครือข่ายตั้งแต่ปลายทางไปจนถึงคลาวด์ซึ่งทำงานอยู่บนแพลทฟอร์มเดียวกัน เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการทำงานแบบอัตโนมัติและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น ลดภาระของผู้ให้บริการระบบเครือข่ายลง และทำให้สามารถมุ่งเน้นไปยังงานที่มีความสำคัญสูงต่อธุรกิจได้มากขึ้น

ระบบปฏิบัติการเดียว สถาปัตยกรรม ASIC เดียว ดูแลรักษาด้วยแนวทางเดียวกัน

ด้วยการต่อยอดจากนวัตกรรมล้ำหน้าและความสำเร็จของ Core Switch รุ่น CX 8400 Series ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ AOS-CX ที่ผ่านมา อันจะเห็นได้จากก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในการมีลูกค้าหลักรายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อรูบ้ากำลังเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ด้วยผลิตภัณฑ์ตระกูลสวิตช์ที่ทันสมัยซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการเดียวกันทั้งในระบบเครือข่ายขององค์กรธุรกิจ, การเชื่อมต่อที่สาขา ไปจนถึงดาต้าเซ็นเตอร์ ทำให้การดูแลรักษาระบบเครือข่ายง่ายดายยิ่งขึ้นเป็นอย่างมาก แพลทฟอร์มใหม่ในผลิตภัณฑ์สวิตช์ตระกูล Aruba CX ได้รวมเอาปัจจัยสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายสมัยใหม่เอาไว้ด้วยกัน ซึ่งรวมถึง:

  • สวิตช์ตระกูล Aruba CX 6300 และ Aruba CX 6400 ที่ใช้สถาปัตยกรรม ASIC รุ่นที่ 7 ของอรูบ้า: Aruba CX 6300 Series คือตระกูลของสวิตช์แบบ Stackable ที่มีสามารถเพิ่มขยายได้อย่างยืดหยุ่นผ่านทาง Virtual Switching Framework (VSF) ที่รองรับสมาชิกมากถึงสิบอุปกรณ์ และมีการเชื่อมต่อเครือข่ายระดับ 10/25/50 Gigabit ให้พร้อมใช้งานเพื่อให้รองรับต่อความต้องการด้านแบนด์วิดธ์ในปัจจุบันและอนาคตได้ ในขณะที่ Aruba CX 6400 Series ซึ่งเป็นสวิตช์แบบ Modular นี้จะมีรุ่น Chassis แบบ 5 ช่องและ 10 ช่องซึ่งทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และสามารถเพิ่มขยายระบบจาก Gigabit POE ที่ชั้นของการเชื่อมต่อไปเป็น 100G ที่ชั้นของ Core ได้ ทำให้ลูกค้าสามารถทำงานอย่างมีมาตรฐานบนแพลทฟอร์มเดียวกันทั้งองค์กร ซึ่งรวมถึงการทำงานผสานรวมแบบไฮบริดได้ด้วย
  • AOS-CX 10.4: AOS-CX รุ่นใหม่ที่มีความสามารถเพิ่มเติมด้านการเชื่อมต่อมากมายในระบบปฏิบัติการ และสร้างความแตกต่างให้กับ CX ได้มากยิ่งขึ้นในขั้นของการเชื่อมต่อเครือข่าย ความสามารถเหล่านี้ได้แก่ Aruba Dynamic Segmentation ที่สามารถควบคุมนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยให้แก่ระบบเครือข่ายแบบมีสายและไร้สายร่วมกันได้ เพื่อบังคับใช้แก่ผู้ใช้ทุกคนและทุกอุปกรณ์ IoT, การใช้งาน Ethernet VPN (EVPN) over VxLAN สำหรับเชื่อมต่อเครือข่ายได้อย่างง่ายดายและมั่นคงปลอดภัยจากเครือข่ายขององค์กรธุรกิจไปยังดาต้าเซ็นเตอร์ และ Virtual Switching Extension (VSX) ที่สามารถอัปเกรดได้โดยไม่ต้องหยุดการทำงานของระบบในระหว่างที่มีการบำรุงรักษาแต่อย่างใด

Aruba NetEdit 2.0 ทำงานร่วมกับ Network Analytics Engine (NAE): การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของซอฟต์แวร์ Aruba NetEdit ในครั้งนี้ก็คือความสามารถในการทำงานร่วมกับ Aruba NAE ซึ่งความสามารถนี้จะทำให้การแสดงผลการทำงานของระบบเครือข่ายจากศูนย์กลางเกิดขึ้นได้จากการใช้ข้อมูลจากระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบกระจายตัวของ NAE ที่มีอยู่บนสวิตช์ทุกชุดภายในระบบเครือข่าย เพื่อลดเวลาที่ต้องใช้ในการแก้ไขปัญหาจากที่เคยต้องใช้เวลาหลายวันให้เหลือเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ความสามารถในการทำงานได้แบบอัตโนมัติที่เพิ่มเข้ามานี้จะทำให้งานพื้นฐานมีความง่ายดายยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนการตั้งค่า หรือการเริ่มต้นติดตั้งใช้งานอุปกรณ์ใหม่ ซึ่งล้วนสามารถทำงานได้ผ่าน CX Mobile App ทั้งสิ้น

ข้อความสนับสนุน

“ผลิตภัณฑ์สวิตช์ตระกูล Aruba CX รุ่นใหม่นี้ได้เปิดตัวสู่ตลาดในช่วงเวลาที่ความต้องการในระบบเครือข่ายขององค์กรธุรกิจขนาดใหญ่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมีจำนวนผู้ใช้งานที่มากขึ้น มีอุปกรณ์และสิ่งต่าง ๆ ต่อเชื่อมเข้ามามากขึ้น ซึ่งต้องการความเร็วที่สูงขึ้นและความล่าช้าที่น้อยลง องค์กรขนาดใหญ่กำลังมองหาแพลทฟอร์มที่ทรงพลังซึ่งสามารถบริหารจัดการได้อย่างง่ายดายเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างทันท่วงที ผลิตภัณฑ์สวิตช์ตระกูล Aruba CX นี้จะทำให้ลูกค้าสามารถใช้งานแพลทฟอร์มเดียวสำหรับระบบสวิตช์ทั้งหมดตั้งแต่ดาต้าเซ็นเตอร์มาจนถึงการเชื่อมต่อเครือข่ายได้ ทำให้องค์กรมีระบบปฏิบัติการแบบ Cloud-Native ที่เหมือนกันทั้งองค์กร ทำให้องค์กรสามารถบริหารจัดการได้อย่างง่ายดาย มีประสบการณ์ในการให้บริการเครือข่ายที่เหมือนกัน และมีการรรับประกันคุณภาพในระดับที่สูงขึ้นได้”

- Brandon Butler, นักวิเคราะห์วิจัยอาวุโส, โครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายแห่ง IDC

“ผมเชื่อว่าผลิตภัณฑ์สวิตช์ตระกูล Aruba CX รุ่นใหม่นี้จะสร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับองค์กรสาธารณสุขสมัยใหม่ซึ่งมีหลายแง่มุมในการปรับปรุงการดูแลรักษาผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับระบบเครือข่าย เช่น การเชื่อมต่ออุปกรณ์ทางการแพทย์และการรับส่งข้อมูลผู้ป่วยแบบอิเล็กทรอนิกส์ สถาบัน Seattle Children’s ได้เลือกใช้เทคโนโลยีของ Aruba ภายใน Building Cure ซึ่งเป็นสถาบันวิจัย โดยมีระบบปฏิบัติการ AOS-CX เป็นพื้นฐานที่สามารถให้บริการระบบเครือข่ายที่ต้องมีการหยุดการทำงานแต่อย่างใด และยังรองรับการใช้งานในอนาคตได้เป็นอย่างดี”

- Dr. Zafar Chaudry, รองประธานอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการข้อมูลแห่ง Seattle Children’s  

“ระบบเครือข่ายนั้นมีบทบาทสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัยในการให้บริการของ Globe Life Field แห่งใหม่ที่มีกำหนดการเปิดให้บริการในฤดูใบไม้ผลิที่จะถึงนี้ ดังนั้นประสิทธิภาพ การรองรับการใช้งาน และความสามารถในการตรวจสอบการทำงานจึงสำคัญยิ่งสำหรับเรา ผลิตภัณฑ์สวิตช์ตระกูล Aruba CX รุ่นใหม่นี้มีความสามารถที่ตอบโจทย์ความต้องการของเราทุกประการ ด้วยการมีความสามารถด้านการรับส่งข้อมูลที่ทรงพลังซึ่งจะช่วยให้เรามีระบบเครือข่ายที่รองรับต่ออนาคต การมีระบบปฏิบัติการเดียวที่จะช่วยให้เราบริหารจัดการระบบทั้งหมดด้วยประสบการณ์ที่เหมือนกัน และการมีระบบวิเคราะห์ข้อมูลภายในตัวเพื่อช่วยให้เรามองเห็นการทำงานของเครือข่ายได้อย่างทันท่วงทีสำหรับแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้เราสามารถใช้พลังงานของเรามุ่งเน้นไปกับการทำให้แฟนๆ มีประสบการณ์ที่น่าจดจำและมีส่วนร่วมได้มากขึ้น”

- Michael Bullock, รองประธานด้าน Information Technology แห่ง Texas Rangers

“อรูบ้าโดนใจผมในประเด็น ‘การมีระบบปฏิบัติการเดียว’ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญและเป็นก้าวที่น่าตื่นเต้นไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง Structured จะสามารถช่วยลูกค้าลดความซับซ้อน เปลี่ยนกระบวนการทำงานให้เป็นระบบ และปรับการบริหารจัดการภายในระบบเครือข่ายของลูกค้าให้ง่ายขึ้น ในฐานะที่เป็นพันธมิตรกับอรูบ้ามายาวนานเกินกว่าสิบปี เราได้เห็นว่าอรูบ้านำแนวทางการให้ความสำคัญแก่ลูกค้าเป็นอันดับแรกมาใช้เพื่อสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ก้าวข้ามความท้าทายเก่า ๆ ได้อย่างไรมาอยู่ตลอด การคิดอย่างมีวิสัยทัศน์นี้สร้างความได้เปรียบอย่างมหาศาลให้แก่ลูกค้าที่จะสามารถให้ความสำคัญกับเป้าหมายทางธุรกิจแทนที่จะต้องมาเผชิญกับปัญหาคอขวดได้ และในขณะเดียวกันสิ่งนี้เองก็จะทำให้งานของ Structured ง่ายขึ้น และมีความสนุกขึ้นอีกมาก”

- Bill Tracy, รองประธานด้าน Technology Solutions แห่ง Structured

ราคาและการวางจำหน่าย

ผลิตภัณฑ์สวิตช์ตระกูล CX อันได้แก่สวิตช์รุ่น Aruba CX 6300 และ CX 6400, AOS-CX รุ่นใหม่ และ Aruba NetEdit 2.0 จะวางจำหน่ายภายในเดือนพฤศจิกายน 2019 โดยราคาของ Aruba CX 6300 และ CX 6400 จะเริ่มต้นที่ $5,899 USD และ $13,499 USD ตามลำดับ

ข้อมูลเพิ่มเติม

View the webcast

รับชม Webcast

Read the Moor Insights & Strategy Report: HPE Aruba CX Switching Portfolio

อ่านรายงาน Moor Insights & Strategy Report: HPE Aruba CX Switching Portfolio

Learn more about the Aruba CX Switching Portfolio

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Aruba CX Switching Portfolio

Blog: Now’s the Time to Switch to a Next-Gen Network

บล็อก: Now’s the Time to Switch to a Next-Gen Network

Blog: Break Free from Legacy Network Constraints with Aruba CX Switching

บล็อก: Break Free from Legacy Network Constraints with Aruba CX Switching

COMMENTS