แต่หลังจากทดสอบ LTE ในพื้นที่ห่างไกลหรือชนบทของ US โดยเฉพาะ Verizon, T-Mobile และ US Cellular ต่างก็แจ้งพื้นที่สัญญาณครอบคลุมเกินจริงกว่า 40 เปอร์เซนต์ ซึ่งสิ่งที่ตามมาหลังจากค่ายมือถือโปรโมทเรื่องพื้นที่ครอบคลุมของสัญญาณไปแล้ว แต่เอาเข้าจริงใช้งานไม่ได้ โอเปอเรเตอร์นั้นจะถูกร้องเรียน
FCC รู้ว่าข้อมูลไม่ตรงกัน เพราะได้รับการร้องเรียนเรื่องพื้นที่ครอบคลุมสัญญาณ โดยเฉพาะในชนบทที่ห่างไกล โดยเจ้าหน้าที่ FCC สำรวจสัญญาณโดยเดินทางกว่า 10,000 ไมล์ ทั่วพื้นที่ห่างไกลของอเมริกา ด้วยมือถือ Galaxy S9 แล้วพยายาม speed tests ซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง พบว่าความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 5Mbps เป็นอย่างต่ำ
จากรายงาน พบว่า สามารถทำความเร็วได้ 62.3 เปอร์เซนต์ โดย T-Mobile ทำคะแนนได้สูงถึง 63.2 เปอร์เซนต์ และ Verizon สูงกว่า 64.3 ในขณะที่ US Cellular พบว่ามีความเร็ว 5Mbps 45 เปอร์เซนต์ และพบว่าไม่มีสัญญาณ LTE 38 เปอร์เซนต์ของพื้นที่ที่ทดสอบ บนเครือข่าย US Cellular ส่วน T-Mobile พบจุดอับสัญญาณ 21.3 เปอร์เซนต์ ส่วน Verizon มีแค่ 16.2 เปอร์เซนต์
เจ้าหน้าที่ของ FCC แนะนำวิธีแก้ไข โดยจัดตั้งทีมถาวรขึ้นเพื่อทำข้อมูลพื้นที่ภูมิศาสตร์ของประเทศ โดยทีมระบุว่า ผู้ให้บริการควรแก้ไขเรื่องการแสดงความครอบคลุมของสัญญาณ ที่ผิดพลาด แต่ไม่ได้มีการระบุให้ตรงกับความเป็นจริง ทั้ง Verizon และ US Cellular ต่างร้องเรียนว่า ระบบส่งข้อมูลสัญญาณครอบคลุมของ FCC นั้นผิดพลาด ทำให้ข้อมูลแสดงไม่ถูกต้อง และเกินจริง
งานนี้ FCC ก็มีบทลงโทษผู้ให้บริการ โดย Ajit Pai ผู้บริหาร FCC ได้ยกเลิกแผนที่ขอเงินสนับสนุนจากรัฐบาล $4.5 พันล้านเหรียญที่จะพัฒนา 4G ในพื้นที่ห่างไกล ในแผนนี้ Pai ต้องการเงินทุน $9 พันล้านเหรียญเพื่อช่วยให้สามารถให้บริการ 5G ในพื้นที่ห่างไกลได้มากขึ้น ใช่แล้ว ความหมายคือ ผู้ให้บริการ จะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลมากขึ้น