ที่ผ่านมา FCC เป็นหน่วยงานกับกับดูแลโทรคมนาคมของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ปลดล็อคการใช้งานคลื่น 6 GHz ให้เป็นประชาชนสามารถใช้ระบบการสื่อสารระยะสั้นได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม จึงนำไปสู่การตัดสินใจของ Wi-Fi Alliance ในการใช้ชื่อ 'Wi-Fi 6E' บนคลื่นความถี่ที่ไม่มีใบอนุญาตมากกว่า 1,200 MHz



เป็นคลื่นที่เหลือจากการให้บริการคลื่นไมโครเวฟในสมัยก่อน นำมาจัดแบ่งคลื่นความถี่ใหม่เพื่อให้บริการให้กับประชาชนและสนับสนุนสาธารณูปโภคพื้นฐานของรัฐ

จากข้อมูลจาก Cnet พบว่า เดิมการให้บริการคลื่น Wi-Fi บนย่านคลื่น 2.4 GHz สามารถให้บริการบนความกว้างเพียง 70 MHz เท่านั้น และ Wi-Fi บนย่านคลื่น 5 GHz สามารถให้บริการบนความกว้างเพียง 500 MHz เท่านั้น ซึ่งคลื่น Wi-Fi บนย่านคลื่น 6 GHz สามารถให้บริการบนความกว้างเพียง 1200 MHz เพียงพอต่อการรองรับอุปกรณ์สมาร์ทโฟน  การใช้งาน AR / VR หรืออุปกรณ์การสวมใส่ชนิดต่างๆ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ได้ดีขึ้น

โดยคลื่น Wi-Fi 6E จะทำให้อุตสาหกรรมที่ใช้งาน Wi-Fi เติบโตขึ้นได้อย่างมหาศาล สามารถผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมารองรับมากมาย เนื่องจากรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วที่สูงขึ้น และจะขยายการเติบโตไปยังกลุ่มประเทศยุโรปและเอเชียในเร็วๆนี้

นักวิเคราะห์ในวงการโทรคมนาคมคาดการณ์ด้วยว่า การตอบรับอย่างดีจากการใช้งานคลื่น 6 GHz อย่างเป็นทางการโดยใช้ชื่อ Wi-Fi 6E จากทั้งผู้บริโภคทั่วไปและองค์กรต่างๆ เนื่องจากเห็นความชัดเจนในการเรื่องการเชื่อมต่อที่ดีมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อติดตั้งแล้วสามารถใช้งานได้มากขึ้นเช่นการรับชมความบันเทิงคุณภาพระดับ 4K, การเชื่อมต่อ AR / VR หรือสามารถบำรุงรักษาเครื่องจักรได้ในระยะไกล ผู้ผลิตอย่าง CableLabs เชื่อว่า สามารถเพิ่มอัตราความเร็วได้ Wi-Fi 6E ได้สูงสุดถึงระดับ 10 Gbps ได้อย่างไม่ยาก ที่สำคัญ Boingo CTO โดย Derek Peterson เชื่อว่า Wi-Fi 6E จะมาช่วยเติมเต็มเทคโนโลยี 5G ได้อีกด้วย

Wi-Fi Alliance ยังจะไม่สร้างโลโก้ Wi-Fi 6E อย่างเป็นทางการ โดยลูกค้าเดิมที่ใช้ Wi-Fi 6 สามารถใช้งาน Wi-Fi 6E ได้ตามปกติ ทั้งอุปกรณ์สมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์ หรืออื่นๆ

ข้อมูล cnet  wifinowglobal  fiercewireless forbes axios