หน่วยงานกำกับดูแลเทเลคอมแห่งอินเดีย (TRAI) พยายามติดต่อกับผู้ประกอบธุรกิจโทรคมนาคมทุกรายในประเทศ โดยเฉพาะ Bharti Airtel ก็ตามแต่ก็ถูกปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่า "ทางบริษัทไม่มีแผนในการใช้งานคลื่นความถี่ดังกล่าว"

แต่ภายใต้คำกล่าวอ้างดังกล่าวนั้น คือการแสดงแสดงออกของผู้ประกอบการที่พยายามสะท้อนให้เห็นว่า TRAI สร้างราคาคลื่นความถี่ที่สูงจนเกินไป ทำให้ TRAI นำคลื่นความถี่ต่างๆ มาพัฒนาประเทศได้เพียง 60% ที่มีอยู่เท่านั้น และที่สำคัญ Bharti Airtel แบกรับต้นทุนทางด้านคลื่นความถี่เป็นจำนวนมหาศาลอย่างต่อเนื่อง

ราคาที่ TRAI เสนอให้มีการประมูลคลื่นความถี่ 5G ย่าย 3.5 GHz
ค่าใช้จ่าย 100 MHz อยู่ที่ 50,000 ล้านรูปี หรือคิดเป็นค่าเงินบาทไทย 21,918 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราที่สูงกว่าทั่วโลก 30 - 40%

ตัวผู้บริหาร Gopal Vittal ออกมากล่าวอย่างชัดเจนว่า เราไม่สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมนี้ได้จริงๆ เพราะเป็นราคาที่สูงจนเกินไป

ที่ผ่านมา Bharti Airtel และผู้ประกอบการรายอื่นๆ พยายามเสนอให้ Trai แบ่งคลื่นความถี่ 3.5 GHz (3,300-3,600 Mhz) เป็นบล็อกละ 20 MHz จ่ายขั้นต่ำ 9,840 สิบล้านรูปี ไม่ใช่เป็นการขายรวบยอด 100 MHz ในครั้งเดียว

แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามเปิดตัวเทคโนโลยี 5G ทั่วประเทศภายในปี 2563 นั้นดูเหมือนจะห่างไกลจากความเป็นจริง จากการทำนายของ Ericsson คาดว่าประเทศอินเดียจะเปิดตัวเทคโนโลยี 5G เร็วที่สุดคือปี 2565 เป็นต้นไป

ที่สำคัญผู้ประกอบการทุกรายต่างได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าไฟฟ้าของรัฐบาลอินเดีย ซึ่ง Bharti Airtel ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน, การขึ้นภาษีโทรคมนาคม และทางภาครัฐไม่มีมาตรการกำหนดราคากลางเพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียม ทำให้เกิดสงครามราคาที่รุนแรงขนาดนี้

ส่งผลให้โครงสร้างของผู้ประกอบการเหลือเพียง 2 รายใหญ่ เท่านั้น ทำให้ประเทศอินเดียขาดผู้เล่นโทรคมนาคมรายที่ 3 เพื่อเข้ามาถ่วงดุลการแข่งขันและต้องเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่ใหญ่พอ


Singtel เป็นผู้นำโทรคมนาคมที่ลงทุนในประเทศ อินโดนีเซีย Telkomsel, ประเทศฟิลิปปินส์ Globe, ประเทศอินเดียและอินโดนีเซีย, สำหรับประเทศไทย นั้นคือ AIS และ Intouch ยังไม่นับรวมรายได้จากประเทศออสเตรเลีย Optus และ Singtel mobile ของกลุ่มสิงคโปร์

ข้อมูล  business-standard  totaltele  Amit Bhawani (PhoneRadar)  telecom.economictimes.indiatimes