หน่วยราชการในปักกิ่งต่างเร่งติดตั้งระบบตรวจจับอุณหภูมิที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI ในสถานที่สำคัญหลายแห่ง หลังจากที่รัฐบาลเริ่มประกาศให้ประชาชนทยอยกลับมาทำงานตามปกติ
บริษัทชั้นนำด้าน AI ของจีนอย่าง Megvii และ Baidu โดยทั้งสองบริษัทต่างก็มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปักกิ่ง ต่างก็ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานด้านนวัตกรรมแห่งกรุงปักกิ่ง เพื่อร่วมพัฒนาระบบตรวจวัดไข้ให้มีความแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยทางด้าน Megvii ได้เริ่มโครงการนำร่อง Remote Fever Dectetion ที่สถานีรถไฟใต้ดิน Mudanyuan และที่ทำการเมืองปักกิ่ง ส่วน Baidu เริ่มติดตั้งระบบวัดไข้ด้วย Infrared ในสถานีรถไฟ Qinshe
ก่อนหน้านั้นเมืองปักกิ่ง ได้มีการติดตั้งระบบวัดอุณหภูมิด้วย Handheld Infrared Imaging Sensor แบบเดิม สำหรับทุกสถานีรถไฟในเมืองแล้ว
แต่ระบบของ Megvii มีความสามารถมากกว่า โดยสามารถวัดไข้ของฝูงชนได้ คราวละหลายๆ คน ในระยะ 5 เมตร โดยยังสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำแม้จะใส่หมวกหน้ากากอนามัย โดยมีความคลาดเคลื่อนเพียง 0.3 เซลเซียสเท่านั้น
โดยแต่ละสถานีมีจุดตรวจมากถึง 16 จุด โดยแต่ละจุดตรวจสามารถตรวจได้มากถึง 15 คนต่อวินาที โดยระบบสามารถระบุค่าอุณหภูมิของแต่ละคนที่เดินผ่านได้อย่างแม่นยำ และเมื่อพบคนที่มีไข้ ก็จะแจ้งเตือนไปยังผู้ดูแลซึ่งทั้ง 16 จุดนี้ ใช้คนดูแลเพียง 1 คนเท่านั้น
ในขณะเดียวกันระบบของ Baidu ก็ทำงานได้ดีไม่แพ้กัน โดยสามารถตรวจอุณหภูมิได้มากถึง 15 คนโดยมีความคลาดเคลื่อนเพียง 0.05 เซลเซียส โดย Baidu จะมีการติดตั้งในสถานีรถไฟใต้ดินอื่นๆต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การระบาดที่รุนแรง การใช้ระบบตรวจวัดไข้แบบมือถือหรือ Handheld Infrared Imaging Sensor นั้นต้องอาศัยคนจำนวนมากในการปฏิบัติการ และยังเป็นการสร้างความเสี่ยงในการติดโรคของผู้ปฏิบัติการเองอีกด้วย
ระบบการตรวจอุณหภูมิด้วย AI นั้นแสดงให้เห็นว่าจีนสามารถนำเอาเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในการแก้ปัญหาระดับประเทศได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีการนำนวัตกรรมอื่นๆ มาใช้ในการต่อสู้กับโรคระบาดในครั้งนี้อย่าง หุ่นยนต์ทำความสะอาด, AI Voice Assitant, Drone เป็นต้น