ประเด็นสำคัญมีดังนี้:
ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2562 ตลาดบริการชำระเงินผ่านมือถือในจีนเติบโตจนแตะระดับ 59.8 ล้านล้านหยวน (276 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 13.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นับเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าตลาดบริการชำระเงินผ่านมือถือในจีนมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยบริการชำระเงินผ่านมือถือได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหลากหลายกรณีการใช้งาน
อาลีเพย์ (Alipay) และเท็นเพย์ (Tenpay) (WeChat Pay + QQ Wallet) ยังคงครองตลาดอย่างต่อเนื่อง
ส่วนแบ่งตลาดของอาลีเพย์ตามยอดธุรกรรมเพิ่มขึ้นติดต่อกันทั้ง 4 ไตรมาสในช่วงปี 2562 โดยส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 55.1% ในไตรมาส 4
เท็นเพย์ (WeChat Pay + QQ Wallet) มีส่วนแบ่งตลาดต่ำกว่า 39% เป็นครั้งแรกในปี 2562 โดยอยู่ที่ 38.9%
ผู้ให้บริการรายอื่นๆ ยังคงรุกตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ซึ่งมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 6% ของตลาดบริการชำระเงินผ่านมือถือโดยรวมในจีนในไตรมาส 4 ของปี 2562 ผู้ให้บริการเหล่านี้ได้แก่ 1qianbao (1.4%), JD Pay (0.9%), UMPay (0.6%), 99bill (0.6%), Yeepay (0.5%), China UMS (0.3%), Sunin Pay (0.2%) และอื่นๆ (1.5%)
สามารถดูรายงานตลาดบริการชำระเงินผ่านมือถือในจีนช่วงไตรมาส 4 ปี 2562 ฉบับภาษาจีนได้บนเว็บไซต์ของ iResearch รวมไปถึงรายงานสำหรับไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 3 ของปี 2562
องค์กรธุรกิจและผู้บริโภคในจีนใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของอาลีเพย์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รองรับการทำงาน และใช้ชีวิตอย่างต่อเนื่อง
วันที่ 10 มีนาคม อาลีเพย์ประกาศแผนการ 3 ปีสำหรับการเปิดให้เข้าใช้งานแพลตฟอร์มของบริษัทฯ เพื่อสนับสนุนผู้ให้บริการกว่า 40 ล้านรายในจีนสำหรับการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล โดยอาลีเพย์ดำเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากแพลตฟอร์มที่รองรับเฉพาะบริการด้านการเงิน ไปสู่ดิจิทัลอีโคซิสเต็มส์ที่เปิดกว้างและมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงดิจิทัลไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรได้อย่างสะดวกสบายผ่านทางอุปกรณ์มือถือ
กระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศของจีนระบุว่า ณ วันที่ 24 มีนาคม 2563 เกือบ 72% ของธุรกิจเอสเอ็มอีในจีนได้เริ่มต้นการทำงานอีกครั้ง พร้อมดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานสู่ระบบดิจิทัล ขณะเดียวกัน องค์กรธุรกิจและผู้บริโภคจำนวนมากใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่เปิดกว้างของอาลีเพย์เพื่อรองรับการทำงาน และการใช้ชีวิตอย่างต่อเนื่อง ความต้องการของผู้บริโภคสำหรับบริการดิจิทัลมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยลำพังเพียงแค่ปี 2562 จำนวนการค้นหาบริการไลฟ์สไตล์ภายในแอพอาลีเพย์เพิ่มขึ้นถึง 300% เมื่อเทียบกับปี 2561
อาหารและความบันเทิง
ธุรกิจร้านขายของชำ: ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัท Meicai ซึ่งเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพในกรุงปักกิ่งที่จัดจำหน่ายสินค้าประเภทของชำ โดยทำหน้าที่เป็นคนกลางที่เชื่อมโยงเกษตรกรกับผู้บริโภคและร้านอาหาร ได้เปิดตัวมินิโปรแกรมที่นำเสนอบริการจัดส่งสินค้าให้แก่ผู้ใช้อาลีเพย์ ปรากฏว่าภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ มินิโปรแกรมดังกล่าวดึงดูดผู้ใช้รายใหม่ๆ ได้มากกว่า 800,000 ราย และมียอดสั่งซื้อหลั่งไหลเข้ามาจาก 80 เมืองใหญ่ในประเทศจีน
ร้านอาหารฮอทพอท: ในช่วงวันที่ 18-22 มีนาคม ร้านอาหารฮอทพอท (Hotpot) มียอดจำหน่ายอาหารกว่า 1.3 ล้านชุดภายในช่วง 5 วันผ่านทางแพลตฟอร์มอาลีเพย์ เพิ่มขึ้น 186% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนกุมภาพันธ์ ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้านอาหารฮอทพอทได้ออกคูปองดิจิทัล เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคไปรับประทานอาหารที่ร้าน หลังจากที่ร้านอาหารเปิดให้บริการอีกครั้งในช่วงสัปดาห์นี้
ร้านขายเครื่องดื่มชานม: ร้านขายเครื่องดื่มชานมปรับเปลี่ยนการดำเนินงานสู่ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในช่วงวันที่ 18-22 มีนาคม ผู้บริโภคซื้อเครื่องดื่มชานมโดยเฉลี่ยกว่า 1.08 ล้านแก้วต่อวันผ่านทางมินิโปรแกรมของแบรนด์ต่างๆ บนอาลีเพย์
โรงภาพยนตร์: บรรดาโรงภาพยนตร์พยายามค้นหาหนทางใหม่ๆ ในการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานสู่ดิจิทัลเพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้า เช่น การส่งเสริมการขายตั๋วภาพยนตร์พรีเซลผ่านทางอาลีเพย์ โดยเมื่อวันที่ 18 มีนาคม เครือข่ายธุรกิจโรงภาพยนตร์ 10 แห่ง รวมถึง Perfect World Cinema, Jinyi Cinema และ Bona Cinema ได้โยกย้ายระบบจำหน่ายตั๋วแบบออฟไลน์ตามโรงภาพยนตร์กว่า 400 แห่งไปสู่แพลตฟอร์มอาลีเพย์ และเปิดแคมเปญขายตั๋วภาพยนตร์พรีเซลร่วมกับอาลีเพย์และ Taobao Movie ใน 12 เมืองใหญ่ รวมถึงเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง หางโจว ซูโจว และหนานจิง ผลปรากฏว่าในวันที่ 26 มีนาคม ยอดขายตั๋วภาพยนตร์พรีเซลเพิ่มขึ้นกว่า 2,000% เมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อนวันที่ 18 มีนาคม
การจ้างงานทางออนไลน์
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม กระทรวงทรัพยากรบุคคลและกิจการด้านสังคมของจีนได้เปิดตัวแคมเปญส่งเสริมการจ้างงานและการรับสมัครงานทางออนไลน์ร่วมกับอาลีเพย์ รวมถึงพันธมิตรรายอื่นๆ และเมื่อวันที่ 23 มีนาคม บริษัทนายจ้างราว 60,000 รายร่วมกันจัดมหกรรมจัดหางานแบบเสมือนจริง (Virtual Job Fair) โดยร่วมมือกับอาลีเพย์ มหกรรมจัดหางานดังกล่าวจะจัดถึงปลายเดือนมิถุนายน และคาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้มองหางานกว่าหนึ่งล้านคน
บริษัทนายจ้างที่มีชื่อเสียงหลายบริษัทเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว เช่น ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า Haier และ Gree, ผู้ให้บริการทางการเงิน Pingan Group, ผู้ให้บริการโทรคมนาคม China Unicom และ Alibaba โดยมีการเสนอตำแหน่งงานกว่า 100,000 อัตรา ครอบคลุมกว่า 10 ภาคธุรกิจ รวมถึงอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีสารสนเทศ บริการด้านการเงิน การศึกษา และการค้า
มหกรรมจัดหางานทางออนไลน์นี้คาดว่าจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในการค้นหางานและการสรรหาบุคลากร โดยผู้มองหางานจะสามารถเข้าถึงมหกรรมจัดหางานดังกล่าวได้ด้วยการค้นหาคำว่า “งานที่น่าสนใจ (好工作)” ในแพลตฟอร์มอาลีเพย์ และเข้าไปที่มินิโปรแกรม “Campus Hiring” ซึ่งผู้สมัครจะสามารถตรวจสอบโปรไฟล์ของบริษัทนายจ้างทั้งหมด รวมถึงประกาศรับสมัครงาน และส่งประวัติย่อของตนเองผ่านทางออนไลน์
ข้อมูลสถิติจากกระทรวงศึกษาธิการของจีนระบุว่า ในปี 2563 จะมีนักศึกษาราว 8.74 ล้านคนจบการศึกษาจากวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจีน เพิ่มขึ้น 400,000 คนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม จาง ยาหนาน ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายธุรกิจ Smart Education ของอาลีเพย์ เปิดเผยว่า นายจ้างจำนวนมากจำเป็นต้องยกเลิกมหกรรมจัดหางานแบบออฟไลน์เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยเหตุนี้ อาลีเพย์จึงได้จัด“มหกรรมจัดหางานทางออนไลน์” ในครั้งนี้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการสรรหาบุคลากร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งนายจ้าง และบัณฑิตจบใหม่ในช่วงสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนนี้
นอกจากนั้น อาลีเพย์ยังได้จัดหาข้อมูลแก่นักศึกษาจบใหม่จากมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาด และเชิญชวนองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่จบการศึกษาจากโรงเรียนเทคนิคและโรงเรียนอาชีวะในการค้นหาตำแหน่งงานที่เหมาะสม นอกเหนือจากการจัดหางานให้แก่นักศึกษาแล้ว บุคลากรทั่วไปราว 1.64 ล้านคนได้ค้นหาและสมัครงานผ่านทางอาลีเพย์นับตั้งแต่ที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
คูปอง