22 ก.ค. 2563 2,985 44

GDCC รัฐดันไทยด้วย Big Data ระดมยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการดิจิทัล CAT, AWS, Microsoft, Huawei อัปเดตเทรนด์คลาวด์จากทั่วโลก

GDCC รัฐดันไทยด้วย Big Data ระดมยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการดิจิทัล CAT, AWS, Microsoft, Huawei อัปเดตเทรนด์คลาวด์จากทั่วโลก

พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES)  กล่าวว่า ทุกวันนี้เทคโนโลยีมีบทบาทมากโดยเฉพาะจากเหตุการณ์โรคระบาด Covid-19 ได้เข้ามาช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันมากขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลได้เตรียมพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อก้าวสู่สังคมดิจิทัล ทำให้มีความพร้อมโดยเฉพาะด้านคลาวด์ซึ่งกระทรวงฯ ได้ผลักดัน Cloud First Policy ส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐพิจารณาเลือกใช้เทคโนโลยีและบริการคลาวด์เป็นอันดับแรก โดยเตรียมพร้อมระบบโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) รองรับการจัดเก็บข้อมูลภาครัฐอยู่ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งหมด สอดคล้องกระแสของโลกที่กำลังจะเปลี่ยนเข้าสู่การประมวลผลแบบ “Cloud Computing” อย่างเต็มรูปแบบ  เช่นเดียวกับประเทศชั้นนำต่างๆเช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ ที่ได้มีการกำหนดนโยบาย Cloud First Policy ดังกล่าว 

ในอนาคตซึ่งเข้าสู่ยุค New Normal การผลักดันรัฐบาลดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบมีความสำคัญอย่างยิ่งโดยแต่ละประเทศต่างพยายามผลักดันรัฐบาลดิจิทัลเพื่อตอบสนองนโยบาย Social Distancing ซึ่งประเทศไทยมีความก้าวหน้าเป็นที่น่าพอใจโดยได้ก้าวเข้ามาสู่กลุ่มประเทศที่มี EDGI  มากกว่า0.75 จัดอยู่ในกลุ่มสูงมากหรือ V1 เป็นครั้งแรกจากผลสำรวจรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์แห่งสหประชาชาติ ปี 2020 โดยยังมีโอกาสที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และพัฒนา EGDI ของประเทศให้ดียิ่งขึ้นอีก โดยเฉพาะการจัดทำโครงการอย่าง GDCCหรือระบบคลาวด์กลางภาครัฐ ซึ่งเป็นแผนงานส่วนหนึ่งตามยุทธศาสตร์ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพื่อผลักดัน DIGITAL GOVERNMENT  

วรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  กล่าวว่าโครงการ GDCC ได้เปิดให้บริการแก่หน่วยงานภาครัฐตั้งแต่ระดับ Cloud Infrastructure ด้วยมาตรฐานการคัดแยกข้อมูล หรือ Data Classification ที่ออกแบบรองรับการนำข้อมูลมาบูรณาการในอนาคตหรือ Data Sharing ระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้วยกัน รวมถึงระยะยาวที่จะสามารถต่อยอดการจัดการกับ Big Data พร้อมทั้งเปิด Open Data สำหรับข้อมูลบางส่วน เพื่อให้ภาคเอกชน ประชาชน หรือ Startup รุ่นใหม่ๆ ได้เข้าถึงและใช้ประโยชน์ข้อมูลเหล่านี้เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศในรูปแบบแพลตฟอร์มใหม่ๆมากขึ้น

นอกจากนี้  การพัฒนาและเปลี่ยนแปลงของรูปแบบ Cloud ทั่วโลกมีอัตราการเติบโตของ Government Cloud Service เติบโตเฉลี่ยที่ 13.4% ต่อปี  สดช.จึงเร่งศึกษาความเป็นไปได้ในรูปแบบต่างๆของคลาวด์ที่เหมาะสมกับประเทศไทยที่จะสามารถนำระบบ GDCC ไปต่อยอดในอนาคตเพื่อบริการให้กับหน่วยงานภาครัฐโดยคำนึงถึงความต่อเนื่องของการใช้งาน ความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูล  ทั้งนี้มุ่งหวังพัฒนา GDCC เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทันสมัยของประเทศเพื่อรองรับการขับเคลื่อนนวัตกรรม ยกระดับขีดความสามารถเชิงดิจิทัลของภาครัฐไทยให้เป็นเอกภาพและเห็นผลรูปธรรมอย่างแท้จริง 

ทั้งนี้ ในปี 2563 โครงการ GDCC  มีแผนดำเนินการด้าน Cloud Infrastructure  ให้สามารถรองรับการบริการได้อย่างน้อย 8,000 VM มีมาตรฐานการคัดแยกข้อมูล (Data Classification) ป้องกันข้อมูลไม่ให้รั่วไหล ข้อมูลสำคัญต้องอยู่ภายในประเทศ (Data Localization) ต้องมีการคุ้มครองข้อมูล และความปลอดภัยของข้อมูล (Security & Privacy) มีระบบนำร่องในทำ Data Sharing มีการเปิดเผยแชร์ใช้ข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ  (Pilot 15 Datasets) โดยในแต่ละปีจะมีจำนวน Dataset เพิ่มขึ้น ในปี 2564 จะผลักดันในการทำ Data Sharing เป็นรูปธรรมมากขึ้นโดยเฉพาะหน่วยงานหลักในปี 2565 เราจะต้องมีการพัฒนา Platform

พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์  กรรมการผู้จัดการใหญ่ CAT กล่าวว่า GDCC ออกแบบสอดคล้องกับโครงสร้างภาครัฐเพื่อรองรับความต้องการการใช้งานต่างระดับ ด้วยแนวคิด House Model ซึ่งให้ความสำคัญกับการบูรณาการตั้งแต่ระดับโครงสร้างพื้นฐาน และจัดทำเป็นคลาวด์ 3 ระดับ ได้แก่ คลาวด์ระดับกระทรวง (Ministry Cloud) คลาวด์ระดับกรม (Agency Cloud) คลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) โดยหน่วยงานที่มีระบบคลาวด์มาตรฐานใช้งานอยู่แล้ว สามารถใช้ระบบคลาวด์ปัจจุบันของหน่วยงานเองต่อไปได้ แต่หากหน่วยงานใดไม่ต้องการลงทุนระบบ ก็สามารถมาใช้งาน GDCC ได้ นอกจากนี้หากหน่วยงานใดที่มีความจําเป็นต้องใช้คลาวด์แบบเร่งด่วน หรือเป็นระบบสํารอง DR Site ก็สามารถมาใช้งาน GDCC ได้เช่นกัน

นอกจากนี้  Innovation Live Forum ยังเปิดเสวนาอัพเดตประเด็นที่น่าสนใจของวงการคลาวด์ภาครัฐ  โดยผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ระดับโลก  ฐิติมา รุ่งผาติ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ กลุ่มภาครัฐประจำประเทศไทย บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส ไทยแลนด์ (AWS Worldwide Public Sector) ได้ร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้งาน Government Cloud ของทั่วโลกซึ่งปัจจุบันมีการนำไปใช้ในหลายระดับและนำไปสู่ Digital Transformation ในแต่ละประเทศ   วสุพล ธารกกาญจน์ ผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์คลาวด์ Microsoft Azure ไมโครซอฟท์ ไทยแลนด์ กล่าวถึงความสำคัญของระบบคลาวด์ภาครัฐกับสิ่งที่ประชาชนจะได้รับจากการเข้าถึงข้อมูลได้มากยิ่งขึ้น  และ  สุรศักดิ์ วนิชเวทย์พิบูล CTO  Huawei Technologies (Thailand) กล่าวถึงการนำเอา DATA ต่างๆมาปรับใช้กับ New Normal ในภาครัฐ  ซึ่งทั้งหมดได้สะท้อนถึงความสำคัญของคลาวด์ภาครัฐที่จะมีบทบาทยิ่งขึ้นในทุกประเทศทั่วโลก

เรียงจากซ้ายไปขวา

1. วสุพล ธารกกาญจน์  ผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์คลาวด์ Microsoft Azure บริษัท ไมโครซอฟท์ ไทยแลนด์

2. ฐิติมา รุ่งผาติ  ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจกลุ่มภาครัฐ (AWS Worldwide Public Sector) บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส ไทยแลนด์

3. วรรณพร  เทพหัสดิน ณ อยุธยา  เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

4. พันเอก สรรพชัย  หุวะนันทน์  กรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT

5. สุรศักดิ์  วนิชเวทย์พิบูล  CTO of Huawei Cloud Thailand

COMMENTS