ปัจจุบัน WeWork มีสาขากว่า 32 แห่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในประเทศไทยมีสาขาจำนวน 4 แห่ง คือ อาคารเอเชีย เซ็นเตอร์ สาทร, อาคารทีวัน ย่านทองหล่อ, สปริง ทาวเวอร์ พญาไท และเดอะ พาร์ค พระราม 4 โดย WeWork ระบุว่า บริษัทต่างๆ เริ่มกลับมาดำเนินกิจการและพนักงานกลับมาทำงานตามปกติ แต่ความต้องการและสิ่งสำคัญได้เปลี่ยนไป ซึ่งอันดับแรกที่ผู้คนนึกถึงในยุควิถีชีวิตใหม่หรือ “นิวนอร์มัล” คือเรื่องของมาตรฐานความสะอาดและสุขอนามัย รวมถึงพื้นที่การใช้งานที่มีความคล่องตัวและมีความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจ เป็นสาเหตุให้องค์กรต่างๆ หันมาเลือกใช้บริการพื้นที่ของ WeWork เพิ่มขึ้น เพื่อปรับตัวและวางแผนกลยุทธ์สถานที่ทำงานในรูปแบบใหม่หลังโควิด-19
เรย์ แทน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลีของ WeWork กล่าวว่า “นอกเหนือจากความต้องการระยะสั้นในการมีพื้นที่ที่มีความปลอดภัยเพื่อให้พนักงานสามารถกลับมาทำงานได้แล้ว WeWork ยังเห็นว่าองค์กรและบริษัทต่างๆ กำลังวางแผนเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับสถานที่ทำงาน โดยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา WeWork ได้ตอบสนองความต้องการนี้ให้หลายๆ บริษัท เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบริษัทเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว ซึ่ง WeWork สามารถให้ความช่วยเหลือในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของสถานที่ทำงานนี้ได้เป็นอย่างดี และยังเห็นว่าความต้องการของสถานที่ทำงานที่ยืดหยุ่นและปรับได้อย่างเหมาะสมจะมีอย่างต่อเนื่อง”
“หลายบริษัทเริ่มมีการขยายตัวเป็นสาขาย่อยกระจายไปตามทำเลต่างๆ เพื่อแผนธุรกิจในระยะกลางและระยะยาว รวมถึงการสร้างประสิทธิภาพการทำงานและคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง จากการที่เราได้พูดคุยกับองค์กรชั้นนำหลายๆ แห่ง สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือการจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับว่าทีมงานสามารถปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างไร ซึ่ง WeWork พร้อมที่จะให้การสนับสนุนบริษัทในสภาวะแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เผชิญอยู่นี้เพื่อให้ฝ่าวิกฤตไปได้”
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ทุกคนเห็นว่าเรื่องที่ไม่เคยคาดคิดสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและความเปลี่ยนแปลงที่ตามมาก็เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่บริษัทต่างๆ กลับมาดำเนินธุรกิจตามปกติและประเทศไทยเริ่มปรับตัวสู่การใช้ชีวิตยุคหลังโควิด-19 WeWork เล็งเห็นถึง 3 เทรนด์สำคัญที่จะกลายเป็นหัวใจขององค์กรขนาดใหญ่ในการพัฒนากลยุทธ์ของสถานที่ทำงานรูปแบบใหม่ ดังนี้
1. ความยืดหยุ่นของสถานที่ทำงาน
บริษัทจำเป็นต้องมีการวางแผนทางธุรกิจที่ยั่งยืน รูปแบบสถานที่ทำงานแบบ Hub-and-Spoke หรือการมีสำนักงานหลักและสำนักงานย่อยเป็นหนึ่งในทางเลือกที่บริษัทสามารถนำมาปรับใช้เพื่อเพิ่มระยะห่างทางสังคม และยังสามารถกระจายกำลังพนักงานไปยังหลากหลายพื้นที่ได้ อีกหนึ่งวิธีในการปรับตัวของบริษัทที่เริ่มกลับมาเปิดปกติคือการใช้ระบบ Phased Approaches หรือการนำระบบใหม่เข้ามาปรับใช้ทีละขั้น เพื่อค่อยๆ สร้างความเปลี่ยนแปลงไปอย่างเป็นขั้นตอนโดยที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ของคนในบริษัทไว้
2. การรองรับการปรับขยายตัวของบริษัทและการบริหารต้นทุนเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ปัจจัยสำคัญที่หลายๆ บริษัทเลือกใช้บริการ WeWork คือการที่ WeWork สามารถรองรับการปรับขยายตัวของบริษัทได้เร็วกว่าสำนักงานรูปแบบเดิมถึง 3 เท่า และยังช่วยลดต้นทุนจมได้มากถึง 50% จึงเห็นได้ว่าบริษัทต่างๆ เริ่มมองหาการเปลี่ยนจากการทำสัญญาเช่าพื้นที่ทำงานระยะยาวมาเป็นผู้ให้บริการพื้นที่ที่มีความยืดหยุ่นอย่าง WeWork นอกจากนั้นบริษัทที่ต้องการปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจได้เลือกใช้บริการที่ WeWork เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันและมองหาช่องทางในการขยับขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต
3. ประสบการณ์ที่พนักงานจะได้รับ
บริษัทจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องมาตรฐานความสะอาดและสุขอนามัยเพื่อให้พนักงานกลับมาทำงานได้อย่างมั่นใจ ซึ่งเป็นอีกเหตุผลที่บริษัทสามารถวางใจหากเลือกเข้าใช้บริการที่ WeWork เพราะ WeWork มีความเชี่ยวชาญในการจัดการดูแลสถานที่ทำงาน โดยเน้นการสร้างพื้นที่ส่วนตัวไปจนถึงการเพิ่มระดับการทำความสะอาด ซึ่งการให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้นำไปสู่ความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีของพนักงาน เกิดเป็นแรงผลักดันให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน แรงจูงใจ และความสัมพันธ์ที่ดีของพนักงานในองค์กร
ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดขึ้นในประเทศไทย WeWork ได้ลงมือทำตามแนวทางปฏิบัติด้านสุขอนามัยที่สอดคล้องกับกฎระเบียบและคำแนะนำจากรัฐบาลโดยทันที ในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มรายแรกๆ ในวงการ WeWork มีความตั้งใจที่จะส่งมอบพื้นที่ที่มีความปลอดภัยพร้อมกับนวัตกรรมที่ทันสมัยและมีความพิเศษไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นพันธสัญญาของ WeWork ที่ยึดมั่นมาโดยตลอด ควบคู่ไปกับการวางกลยุทธ์ของสถานที่ทำงานแห่งอนาคต ซึ่งรวมถึงการทำความสะอาดและการดูแลด้านสุขอนามัยที่เพิ่มมากขึ้น การจัดสรรแบ่งโซนที่นั่งและเว้นระยะห่างเพื่อให้สามารถใช้พื้นที่ร่วมกันได้ และยังมีป้ายคำแนะนำและจำกัดจำนวนคนในพื้นที่เพื่อช่วยให้มั่นใจว่าสถานที่ทำงานจะมีความปลอดภัยและเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน
ด้วยประสบการณ์ของการเป็นผู้นำในวงการโคเวิร์กกิ้ง สเปซระดับโลกมากว่า 10 ปี และเป็นที่ทำงานของ 2 ใน 3 ของ 50 บริษัทชั้นนำที่ได้รับการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์จูน (Fortune 50) WeWork จึงเป็นพันธมิตรที่บริษัทชั้นนำไว้วางใจ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft, Slack, Pinterest, KPMG และอีกหลายแห่ง ปัจจุบันประเทศไทยเริ่มเปิดกว้างและคุ้นเคยกับวิถีชีวิตรูปแบบใหม่มากขึ้น WeWork เล็งเห็นว่าจะมีการให้ความสำคัญในเรื่องความร่วมมือกันและชุมชนมากขึ้น และพร้อมจะสนับสนุนบริษัทต่างๆ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทยในโลกยุคหลังโควิด-19 ต่อไป