พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT เปิดเผยว่า โครงการ “ประกันภัยความเสี่ยงภัยไซเบอร์” เป็นความร่วมมือที่เกิดขึ้นจากการมองเห็นแนวโน้มความเสี่ยงภัยทางไซเบอร์ ซึ่งในปัจจุบันมีความรุนแรงและมีมูลค่าความเสียหายเพิ่มสูงขึ้น สามารถส่งผลกระทบได้กับธุรกิจในทุกภาคส่วน ซึ่งการบริหารจัดการกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนั้น ผู้ประกอบธุรกิจอาจไม่สามารถประเมินและควบคุมได้ เนื่องจากขึ้นอยู่กับเหตุการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้น ดังนั้น จึงเกิดความร่วมมือขึ้นระหว่าง 2 หน่วยงาน คือ CAT ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและให้บริการด้าน IT Security ที่มีประสบการณ์กว่า 13 ปี ผนวกกับ เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย มืออาชีพด้านประกันภัย ร่วมกันพัฒนากรมธรรม์ประกันภัย ที่พร้อมจะช่วยดูแลทางด้านความปลอดภัยและดูแลค่าใช้จ่ายให้กับธุรกิจหากเกิดภัยไซเบอร์ขึ้น
“ภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะตกเป็นเหยื่อเมื่อไหร่ และผลกระทบจะรุนแรงมากน้อยเพียงใด ประกันภัยไซเบอร์จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างอุ่นใจ CATและ เอ็ม เอส ไอ จี จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการรับโอนความเสี่ยง ปกป้องธุรกิจจากภัยคุกคามไซเบอร์ และเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จสำหรับภาคธุรกิจ”
รัฐพล กิติศักดิ์ไชยกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า“เอ็ม เอส ไอ จี และกสท โทรคมนาคม ต่างเล็งเห็นความสำคัญของภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เช่น ระบบคอมพิวเตอร์โดนแฮ็กหรือเสียหายโดยโปรแกรมมัลแวร์/ไวรัส และการรั่วไหลหรือเปิดเผยข้อมูลซึ่งเป็นความลับ รวมถึงการโดนก่อกวนจากหลายอุปกรณ์พร้อมๆ กันจนระบบปฏิบัติการออนไลน์ล่ม เราจึงร่วมกันพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยไซเบอร์นี้ขึ้นมากรมธรรม์ประกันภัยไซเบอร์จะเข้ามาบรรเทาค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หลังจากผู้เอาประกันภัยโดนคุกคามหรือโจมตี นอกจากนี้ เอ็ม เอส ไอ จียังมีบริการให้คำปรึกษาวิธีรับมือจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ให้กับผู้เอาประกันภัยตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก”
“กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยไซเบอร์ของเอ็ม เอส ไอ จีถูกออกแบบมาเพื่อธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจSMEไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ โดยมีจุดเด่นคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหลังจากการโดนคุกคามทางไซเบอร์ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายต่อความเสียหายออกเป็น2 ส่วน โดยส่วนแรกคือความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัย เช่น ค่าใช้จ่ายที่ต้องดำเนินการตรวจสอบหรือสอบสวนเหตุการณ์ ค่าใช้จ่ายในการกอบกู้ข้อมูล ค่าใช้จ่ายในการจัดจ้าง PR เพื่อแถลงความเสียหายหรือแจ้งแก่สาธารณะค่าใช้จ่ายในการไถ่ถอนระบบคอมพิวเตอร์จากการเรียกค่าไถ่ หรือแม้กระทั่งค่าปรับจากการถูกลงโทษโดยหน่วยงานที่กำกับดูแล และความเสียหายส่วนที่สองคือความเสียหายของผู้เอาประกันภัยต่อบุคคลภายนอก เช่น ค่าใช้จ่ายตามกฎหมายที่ผู้เอาประกันภัยต้องชดใช้ต่อบุคคลภายนอกและค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดี” รัฐพลกล่าว
กรมธรรม์ประกันภัยเสี่ยงภัยไซเบอร์จะช่วยให้ผู้เอาประกันภัยสามารถกอบกู้และดำเนินธุรกิจต่อได้ ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถเลือกความคุ้มครองได้เองตามประเภทของธุรกิจ และจำนวนวงเงินจำกัดความรับผิดที่ต้องการ สำหรับเป้าหมายของโครงการประกันภัยความเสี่ยงภัยไซเบอร์ที่เอ็ม เอส ไอ จี ร่วมมือกับ CAT นี้ คาดว่าจะมีลูกค้าเข้าร่วมโครงการทำประกันภัยมากกว่า2,000 ราย และเบี้ยมีประกันภัย 100 ล้านบาทภายในระยะเวลา 2 ปี