Adobe MAX งานครีเอทีฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกปีนี้เปิดให้ครีเอทีฟ นักสร้างสรรค์ และผู้ชมทั่วโลกได้เข้าร่วมฟรี! ประกาศอัปเดตแอปและฟีเจอร์สำคัญ ๆ รวมถึง Illustrator บน iPad, Fresco บน iPhone, ฟิลเตอร์ Neural ที่ขับเคลื่อนด้วย Sensei ใน Photoshop พร้อมเดินหน้าโครงการ Content Authenticity Initiative สำหรับตรวจจับการละเมิดปรับเปลี่ยนดัดแปลงดิจิทัลคอนเทนต์
โดยมีเหล่าคนดังตบเท้าเข้าร่วมงานครีเอทีฟระดับโลก ทั้งเซนดาย่า, โคแนน โอ’ไบรอัน, เอวา ดูเวอร์เนย์, เวส แอนเดอร์สัน, อควาฟินา, กวิเน็ธ พัลโทรว์, ไทเลอร์ เดอะ ครีเอเตอร์ และเชลซี แฮนด์เลอร์
ที่งาน Adobe MAX อะโดบี (Nasdaq: ADBE) ได้เผยโฉมนวัตกรรมสำคัญสำหรับแอพพลิเคชั่น Creative Cloud และการบริการ นอกเหนือจากฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น ฟิลเตอร์ Neural ใน Photoshop แล้ว บริษัทฯ ยังได้ประกาศอัพเดตสำคัญๆ สำหรับแอพพลิเคชั่นเรือธง รวมถึง Lightroom, Premiere Pro และ Illustrator นอกจากนี้ อะโดบีตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเร่งพัฒนาโมบายล์แอพและแอพที่รองรับ multi-surface ด้วยการเปิดตัว Adobe Illustrator บน iPad และ Adobe Fresco บน iPhone พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้เผยโฉมต้นแบบของเครื่องมือที่ระบุแหล่งที่มาของดิจิทัลคอนเทนต์ ซึ่งจะเริ่มต้นใช้งานใน Photoshop และ Behance โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรับรองความถูกต้องของเนื้อหาคอนเทนต์ (Content Authenticity Initiative)
Adobe MAX 2020: Creativity for All
ด้วยพันธกิจของอะโดบีในการ “ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับทุกคน” งาน MAX 2020 ปีนี้จึงเป็นอีเวนท์ที่เปิดให้ทุกคนเข้าร่วมได้ฟรีทั่วโลก โดยนำเสนอผ่านรูปแบบไลฟ์สตรีมต่อเนื่อง 56 ชั่วโมง Adobe MAX จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ให้ความรู้ และความบันเทิงแก่ครีเอเตอร์ โดยนำเสนอข้อมูลเจาะลึกเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ คลาสอบรมกับผู้เชี่ยวชาญ และกิจกรรมต่างๆสำหรับผู้ใช้งาน ตั้งแต่บุคลากรมืออาชีพไปจนถึงนักศึกษา ผู้เชี่ยวชาญและมือสมัครเล่นด้านโซเชียลมีเดีย โดยปีนี้เปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์ทั้งหลายยกระดับทักษะของตนเองอย่างเหนือชั้น
สก็อต เบลสกี้ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์และรองประธานบริหารฝ่าย Creative Cloud ของอะโดบี กล่าวว่า “ในช่วงปีที่ผ่านมา มีปัญหาท้าทายเกิดขึ้นมากมาย เรารู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยให้ชุมชนร่วมมือกันสร้างสรรค์ผลงานครีเอทีฟอย่างต่อเนื่อง และตอกย้ำวิสัยทัศน์ของเราในการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับทุกคน การสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรมเพื่อสื่อถึงแนวคิด บอกเล่าเรื่องราว และแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นกลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เรารู้สึกยินดีที่ได้นำเสนอแอพและบริการด้านครีเอทีฟที่จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตสำหรับบุคลากรในสายงานครีเอทีฟ รวมถึงพัฒนาเครื่องมือให้ใช้งานง่ายขึ้นเพื่อสนับสนุนครีเอเตอร์มือสมัครเล่นมาโชว์ฝีมือ”
ตอบโจทย์ความต้องการของครีเอเตอร์ในปี 2563
รายงานการศึกษาเกี่ยวกับ Adobe’s State of Creativity ระบุว่า ครีเอเตอร์ 82% กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2563 ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อวิธีที่ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน และ 83% ตระหนักถึงความจำเป็นในการการเพิ่มขีดความสามารถของตนเองมากกว่าครั้งไหนๆ ด้วยเหตุนี้ รีลีสที่เพิ่งเปิดตัวของ Creative Cloud จะช่วยให้ผู้ใช้ยกระดับทักษะของตนเองได้อย่างเหนือชั้น รองรับการทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ เพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน และสร้างสรรค์ผลงานสำหรับสื่อใหม่ๆ ในรูปแบบที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ครีเอทีฟซิสเต็มส์ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการทำงานร่วมกัน
ทุกวันนี้ นับเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่ทีมงานจะต้องทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ แอพพลิเคชั่น Creative Cloud มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนงานครีเอทีฟ และการทำงานร่วมกันจะยิ่งช่วยเพิ่มพลังและขีดความสามารถในการทำงานได้มากขึ้นไปอีก ตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา อะโดบีได้เชื่อมโยงองค์ประกอบสำคัญๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของอะโดบีเข้าด้วยกันบนครีเอทีฟซิสเต็มส์ที่เปี่ยมประสิทธิภาพ รองรับการใช้งานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ และการประสานงานร่วมกันระหว่างทีมงานต่างๆ อย่างสอดคล้อง ซึ่งนับว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการทำงานจากที่บ้านหรือนอกสถานที่ (Remote Working)
ขยายไลบรารี Creative Cloud: ไลบรารี ซึ่งเดิมรองรับการใช้แอสเซ็ท (Asset) ร่วมกันระหว่างแอพต่างๆ รวมถึงการทำงานร่วมกัน ตอนนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างและเผยแพร่ระบบการออกแบบผ่านทาง Adobe XD รวมทั้งเข้าถึงแอสเซ็ทใน Adobe Spark และเชื่อมต่อกับแอพของบริษัทอื่น เช่น G Suite และระบบอื่นๆ ผ่านทาง Library API แบบโอเพ่นสำหรับนักพัฒนา
เวอร์ชั่นใน Cloud Documents: ดู แปลงกลับ และตั้งชื่อสำเนาก่อนหน้าของเอกสาร โดยใช้การสร้างเวอร์ชั่นไฟล์ Cloud Document แบบอัตโนมัติ
เชิญให้เข้ามาแก้ไข: เข้าถึงผลงานได้ทุกที่และทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายดาย ด้วยฟังก์ชั่น Invite to Edit ซึ่งจะเริ่มใช้งานได้ในต้นปีหน้าในเครื่องมือต่างๆ เช่น Fresco, Photoshop และ Photoshop บน iPad
เติมพลังสร้างสรรค์: เครื่องมือใหม่ที่ทรงพลังสำหรับการสร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัด
อะโดบีเปิดตัวฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยหลายร้อยฟีเจอร์ ซึ่งออกแบบเป็นพิเศษเพื่อยกระดับการสร้างสรรค์ให้ถึงขีดสุด โดยบูรณาการเข้ากับผลิตภัณฑ์หลักหลายตัวของอะโดบี และมีการสาธิตการใช้งานที่การประชุม MAX ซึ่งได้แก่:
Photoshop: ฟีเจอร์ใหม่ที่เปิดตัวใน Photoshop ได้แก่ Sky Replacement ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Sensei รวมไปถึงการเลือก Refine Edge แบบใหม่สองแบบ และฟิลเตอร์ Neural ซึ่งจะขยายขีดความสามารถให้แก่ผู้ใช้ และยกระดับผลงานสร้างสรรค์ได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วินาที ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยลดขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อน ควบคู่ไปกับการเข้าถึงไลบรารีฟิลเตอร์งานศิลป์ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อจุดประกายความคิด หรือตกแต่งภาพให้ดูสวยงามมากขึ้น
Illustrator และ Illustrator บน iPad: Illustrator บน iPad เวอร์ชั่น 1.0 นำเสนอทางเลือกใหม่ๆ มากมายในการแปรเปลี่ยนไอเดียการออกแบบให้กลายเป็นกราฟิกที่สวยงามและโดดเด่น ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงชุดเครื่องมือหลักและฟีเจอร์ต่างๆ โดยมีฟอนต์อักษรให้เลือกใช้มากถึง 18,000 แบบ และมีฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างเช่น Radial, Grid และ Mirror Repeat ส่วนบนเดสก์ท็อปนั้น ฟีเจอร์ใหม่ Recolor Artwork ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนธีมสีทั้งหมดได้ง่ายๆ โดยคลิกเมาส์เพียงครั้งเดียว เมื่อใช้แอพ Illustrator บนเดสก์ท็อปและ iPad ผู้สร้างจะสามารถใช้งานระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างราบรื่น รองรับการสร้างสรรค์กราฟิกที่หลากหลาย ตั้งแต่โลโก้ไปจนถึงภาพประกอบบนเสื้อยืด
Fresco บน iPhone: แอพใหม่ Fresco บน iPhone ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานฟังก์ชั่นแบบเดียวกันกับ iPad และอุปกรณ์ทัชสกรีน Windows ขับเคลื่อนด้วย Cloud Documents ผู้ใช้จึงสามารถเรียกดูโครงงาน Fresco ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วบนทุกอุปกรณ์ที่รองรับ ไม่ว่าจะเป็นเดสก์ท็อป มือถือ หรือแท็บเล็ต และสามารถทำงานบนหลายอุปกรณ์ได้อย่างไร้รอยต่อ
Lightroom: Advanced Color Grading ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Lightroom พร้อมความสามารถในการบันทึกไฟล์เวอร์ชั่นต่างๆ ขณะที่คุณแก้ไขภาพ และการปรับปรุงประสิทธิภาพใน Lightroom Classic
Premiere Pro: การปรับปรุงประสิทธิภาพครั้งสำคัญ พร้อมการพรีวิวฟีเจอร์ใหม่ Speech to Text ที่ขับเคลื่อนด้วย Sensei ซึ่งสามารถถอดสคริปต์คำพูดจากวิดีโอ และสร้างคำบรรยายและซับไตเติล
After Effects: Roto Brush 2 ที่ขับเคลื่อนด้วย Sensei จะเลือกและตรวจสอบติดตามวัตถุแบบเฟรมต่อเฟรม แยกภาพบุคคลหรือวัตถุออกไปโดยอัตโนมัติ แม้กระทั่งในวิดีโอที่ซับซ้อนที่สุด นอกจากนั้น ฟีเจอร์ใหม่ 3D Design Space ใน After Effects ยังรองรับ 3D Gizmos พร้อมด้วยเครื่องมือกล้องที่ปรับปรุงดีขึ้น และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อช่วยให้ออกแบบงาน 3 มิติได้ดีขึ้นและรวดเร็วมากขึ้น
XD: ฟีเจอร์ใหม่ 3D Transforms ช่วยให้นักออกแบบ UI/UX สร้างสรรค์ประสบการณ์ผู้ใช้อย่างมีมิติและเจาะลึกมากขึ้น และสำรวจงานออกแบบ UI/UX สำหรับประสบการณ์ AR
Adobe Aero: Aero รุ่นทดลองใช้งานสำหรับผู้ใช้ทั่วไปบนเครื่องเดสก์ท็อปช่วยให้ผู้ใช้ทุกกลุ่มสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ AR แบบอินเทอร์แอคทีฟที่ชวนดื่มด่ำ
โอกาสที่ไร้ขีดจำกัดสำหรับการขยายและยกระดับทักษะด้านครีเอทีฟ
อะโดบีนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และทรัพยากรต่างๆ ซึ่งมีจำนวนมากที่เปิดให้ใช้งานได้ฟรี ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการแข่งขัน ตั้งแต่เซสชั่นไลฟ์สตรีมที่บรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญ ไปจนถึงบทช่วยสอนที่เข้าใจง่าย โจทย์ที่ท้าทายและสร้างแรงบันดาลใจ และคำแนะนำสนุกๆ สำหรับงานครีเอทีฟ Creative Cloud คือศูนย์รวมแอพและบริการด้านงานครีเอทีฟที่เปิดให้ใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมด้วยคอมมูนิตี้ผู้ใช้งานที่จะช่วยยกระดับทักษะการใช้งานให้แก่ทุกคน ฟีเจอร์และโอกาสการเรียนรู้ใหม่ๆ มีดังนี้:
ประสบการณ์การเรียนรู้ภายในแอพซึ่งได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นใน Photoshop, Illustrator บน iPad และ Animate
ไลฟ์สตรีมภายในแอพ ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกใน Fresco เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้ขยายไปสู่ Photoshop บน iPad และ Illustrator บน iPad จึงให้ผู้ใช้สามารถ “ถ่ายทอดสด” ไปยังแฟนๆ ได้มากขึ้น รวมทั้งเรียนรู้ข้อมูลจากครีเอเตอร์คนอื่นๆ
ส่วนปรับปรุงสำหรับการเรียนรู้และค้นหาใน Lightroom รวมถึงความสามารถในการติดตามคนอื่นๆ ค้นหาและแชร์ค่าที่ตั้งไว้ล่วงหน้า และสร้างฟีดแบบเฉพาะบุคคลสำหรับช่างภาพที่ต้องการค้นหาคอนเทนต์ที่ผ่านการคัดสรรจากชุมชนผู้ใช้
บทช่วยสอนที่หลากหลาย โจทย์ที่ท้าทายและสร้างสรรค์ และประสบการณ์การเรียนรู้แบบ non-stop บน Adobe Live เปิดให้ใช้งานได้ฟรีผ่านทาง Creative Cloud Discover
ผู้นำด้าน Content Authenticity
อะโดบีนำเสนอข้อมูลอัพเดตเกี่ยวกับโครงการรับรองความถูกต้องของเนื้อหาคอนเทนต์ (Content Authenticity Initiative) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการเผยแพร่คอนเทนต์ที่หลอกลวงและบิดเบือนในโลกออนไลน์
เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา อะโดบีได้ตีพิมพ์เผยแพร่รายงานด้านเทคนิคในหัวข้อดังกล่าว โดยร่วมมือกับผู้จัดทำรายงานในภาคอุตสาหกรรม นักวิชาการ และองค์กรอิสระ (NGO) และวันนี้ บริษัทฯ เดินหน้าสานต่อโครงการ โดยมีการสาธิตเครื่องมือที่จะใช้งานใน Photoshop และ Behance โดยอะโดบีได้เปิดพรีวิวต้นแบบของฟังก์ชั่นระบุแหล่งที่มา (Attribution) ซึ่งจะเปิดให้ใช้งานสำหรับกลุ่มผู้ทดลองใช้งานใน Photoshop ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับแอพ Creative Cloud อื่นๆ ในปี 2564
ภายใต้โครงการ Content Authenticity Initiative อะโดบีเป็นหัวหอกสำคัญในการพัฒนาโซลูชั่นแบบครบวงจรที่จะช่วยให้ครีเอเตอร์ได้รับเครดิตสำหรับผลงานของตนเอง และยับยั้งการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนหรือคลาดเคลื่อน โดยผู้บริโภคจะสามารถตรวจสอบได้ว่าคอนเทนต์ที่ตนเองกำลังรับชมมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขในส่วนใดบ้าง โครงการนี้ได้รับการเปิดตัวที่การประชุม MAX 2019 โดยอะโดบีเป็นผู้นำในการผลักดันโครงการ โดยร่วมมือกับ The New York Times Company, Twitter, Inc., Microsoft, BBC, Qualcomm Technologies, Inc., Truepic, WITNESS, CBC และองค์กรอื่นๆ อีกมากมาย
เฉลิมฉลองความคิดสร้างสรรค์: แรงบันดาลใจจาก Masters
ในงาน Adobe MAX มีผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาร่วมกล่าวบรรยายบนเวทีเสมือนจริง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ครีเอเตอร์ทั่วทุกมุมโลก โดยพิธีกรผู้ดำเนินรายการคือ โคแนน โอ’ไบรอัน และมีคนดังร่วมเป็นวิทยากรและผู้บรรยาย อาทิเช่น เซนดาย่า, เอวา ดูเวอร์เนย์, เชปเพิร์ด แฟร์รี่ย์, กวิเน็ธ พัลโทรว์, อควาฟินา, ไทกา ไวติติ, สแตนลีย์ ทุชชี, ไทเลอร์ เดอะ ครีเอเตอร์, คอมมอน, อ้าย เหว่ยเหว่ย, เวส แอนเดอร์สัน และร็อกแซน เกย์ ฯลฯ รายชื่อทั้งหมดสามารถดูได้จากที่นี่
นักแสดงตลก เชลซี แฮนด์เลอร์ จะเป็นพิธีกรในช่วงไลฟ์สตรีม MAX Sneaks ของปีนี้ โดยจะมีการนำเสนอเบื้องหลังเกี่ยวกับเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยสำหรับงานครีเอทีฟซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาในห้องปฏิบัติการ Adobe Labs
ราคาและการวางจำหน่าย
สมาชิก Creative Cloud ทั้งหมด รวมถึงสมาชิกแบบรายบุคคล นักศึกษา ทีมงาน สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และองค์กร สามารถดาวน์โหลดอัพเดตสำหรับซอฟต์แวร์เดสก์ท็อป Creative Cloud ได้แล้ววันนี้ ส่วนโมบายล์แอพจะเริ่มเปิดตัวทั่วโลกในวันนี้และสามารถดาวน์โหลดได้จาก Apple App Store และ Google Play Store
Illustrator บน iPad เปิดให้ใช้งานสำหรับสมาชิก Creative Cloud ทั้งหมดที่สมัครใช้โปรแกรม Illustrator นอกจากนี้ยังสามารถซื้อเป็นแอพเดี่ยวที่แยกต่างหากได้ในราคา $9.99 ต่อเดือน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ สามารถดูได้จากที่นี่
Fresco บน iPhone เปิดให้ใช้งานฟรีสำหรับทุกคน Fresco นำเสนอฟีเจอร์ระดับพรีเมียมสำหรับมืออาชีพ โดยจำหน่ายรวมเป็นชุดกับ Fresco บน iPad และ Photoshop บน iPad ราคา $9.99 ต่อเดือน หรือรวมอยู่กับแพลน Creative Cloud ส่วนใหญ่ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ สามารถดูได้จากที่นี่
Aero บนเดสก์ท็อปเปิดให้ใช้งานฟรีในรุ่นทดลองใช้งานสำหรับผู้ใช้ทั่วไป โดยลูกค้าสามารถลงทะเบียนได้ที่นี่
เกี่ยวกับ อะโดบี
อะโดบีเปลี่ยนโลกผ่านประสบการณ์ด้านดิจิทัล ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.adobe.com