ล่าสุด หน่วยงานกิจการโทรคมนาคมของประเทศสหรัฐอเมริกา (FCC : Federal Communications Commission) หรือทำหน้าที่คล้าย กสทช. ประเทศไทย ได้อนุมัติเพิ่มเติมความถี่ 5 GHz (U-NII-3) ให้กว้างขึ้นมากกว่าเดิมเล็กน้อย สำหรับการใช้งานภายในอาคารที่ไม่มีใบอนุญาต ซึ่งจะช่วยปรับปรุงความเร็วและลดความแออัดของเครือข่าย
โดยปรับการใช้งานของคลื่นย่าน 5.9 GHz นั้น คือ
1. การให้บริการ Wi-Fi ในรูปแบบไม่มีใบอนุญาต (unlicensed) เป็นจำนวน 45 MHz (5.850-5.895 GHz )
2. การให้บริการ C-V2X ในรูปแบบไม่มีใบอนุญาต (unlicensed) เป็นจำนวน 30 MHz (5.895-5.925 GHz) เพิ่มความปลอดภัยของรถยนต์โดยใช้เทคโนโลยี Cellular Vehicle-to-Everything (C-V2X)
รวมเป็นจำนวน 75 MHz
สาเหตุของการเพิ่มความถี่ Wi-Fi โดยเฉพาะย่านความถี่ 5 GHz เนื่องจากที่ผ่านมาตลอดทั้งปี 2563 ภายในประเทศสหรัฐอเมริการเกิดสภาวะโรคระบาดมีการใช้งานของย่านความถี่ 5 GHz ทำให้การรับส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
โดยเฉพาะการใช้งาน Wi-Fi 5 GHz ในโรงพยาบาล
ส่วนที่เหลือ 30 MHz ทาง FCC ยังจัดความถี่ให้กับระบบการขนส่ง ทั้งการสื่อสารโดยตรงระหว่างยานพาหนะและสิ่งกีดขวาง เช่น ยานพาหนะอื่น ๆ เช่น การสื่อสารให้กับนักปั่นจักรยาน คนเดินถนนและคนงานบนท้องถนน เพื่อรับข้อมูลด้านความปลอดภัยจากเครื่องส่งสัญญาณริมถนน C-V2X
ในขณะเดียวกันเทคโนโลยี Dedicated Short-Range Communications (DSRC) ที่ใช้งานมามากกว่า 20 ปี ปัจจุบันไม่เหมาะสม ต้องเปลี่ยนเทคโนโลยีเป็น C-V2X เบื้องต้นยังไม่ได้กำหนดระยะเวลาสำหรับผู้รับอนุญาตในการเปลี่ยนจาก DSRC เป็น C-V2X
Qualcomm ได้นำเสนอเทคโนโลยีเป็น C-V2X ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยในรถยนต์แบบไร้สายขั้นสูง แม้ยังมีความกังกลอยู่ว่าความถี่ดังกล่าวเพียงพอต่อความต้องการหรือไม่
ข้อมูล cnet theverge fiercewireless greencarcongress jdsupra fcc.gov fcc.gov fcc.go euractiv rcrwireless