บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ผู้นำด้านบริการโทรคมนาคมและบริการคลาวด์ในประเทศไทย ด้วยระบบโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่แข็งแกร่งทั้งดาต้าเซ็นเตอร์มาตรฐานสากล และโครงข่ายอินเตอร์เน็ตระหว่างได้ประเทศ ได้พลิกโฉมเขย่าวงการไอทีไทย ประกาศความเป็น AWS พาร์ทเนอร์ เน็ตเวิร์ค ในงาน “CAT x AWS - Unlocking Your Business” ด้วยการจับมือกับ อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (AWS) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มระบบคลาวด์ชั้นนำของโลกด้วยบริการครบวงจร หลากหลาย มีมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง และเชื่อมโยงทั่วโลก พร้อมเปิดตัวให้บริการเทคโนโลยีไฮบริดคลาวด์ของ AWS ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลก “AWS Outposts” ในประเทศไทยเป็นรายแรกของภูมิภาคอาเซียน

พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT เปิดเผยว่า บริการใหม่ของ CAT ภายใต้ความร่วมมือกับ AWS เป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญยิ่งของ CAT ในปี 2563 นี้ เพื่อนำบริการคลาวด์ของ CAT ไปสู่การเป็นอันดับ 1 ของไทย โดยนำบริการคลาวด์ที่ดีที่สุดมาให้องค์กรในประเทศไทยได้ใช้และพัฒนาไปพร้อมกัน ภายใต้แบรนด์ ‘CAT Cloud powered by AWS” ชูจุดเด่นคือบริการ AWS Outposts ที่ถูกติดตั้งจัดเก็บข้อมูลในประเทศไทยที่ Data Center ของ CAT พร้อมบริการเสริมที่ครบถ้วนจาก AWS นำเสนอเป็นโซลูชันไฮบริดคลาวด์ตอบโจทย์ทุกองค์กร

ซึ่งโดยทั่วไปคนไทยใช้บริการ Cloud service อยู่แล้วทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการเช็คอีเมลหรือการใช้งาน Data ผ่านมือถือ 4G หรือ 5G ทั้งหมดจะเห็นได้ว่าบริการ Cloud Service เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว CAT ได้ร่วมมือกับ AWS ถือว่าเป็นปรากฏการณ์แรกของภูมิภาคอาเซียน

ซึ่งทาง CAT สามารถรองรับความจุ Capacity ในการให้บริการ ไม่จำเป็นต้องรับส่งข้อมูลไปในต่างประเทศ ที่สำคัญการรับส่งสัญญานภายในประเทศคือเรื่องของความปลอดภัยสูงในการใช้บริการที่สำคัญการให้บริการมีความหลากหลายและมีความยืดหยุ่นในการให้บริการโดยเฉพาะเรื่องของความเร็วของการรับส่งข้อมูล


ดร.วงกต วิจักขณ์สังสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานธุรกิจดิจิตอล บมจ. กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT เปิดเผยว่า การให้บริการดังกล่าวสามารถที่จะสนับสนุนให้การทำงานของพนักงานทุกๆบริษัทและบุคลากรเพื่อเชื่อมโยงการสื่อสารรับส่งข้อมูลโดยไม่ต้องเดินทางไปมาระหว่างกัน พร้อมให้บริการระบบติดตาม Tracking เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทุกๆขั้นตอนของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นด้วยมาตรฐาน ISO/IEC 20000-1

ซึ่งบริการนี้ภาครัฐและภาคเอกชนไม่ต้องลงทุนการบริการดังกล่าว ซึ่งมีราคาสูงและต้องอาศัยผู้มีประสบการณ์สูงในการบริหารจัดการ ที่สำคัญยังมีเทคโนโลยี AI ทำให้เราเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าให้เข้าถึงความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยบริการยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งสามารถวัดประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ และตรวจเช็คอุปกรณ์การผลิต หากอุปกรณ์มีปัญหาสามารถซ่อมได้ทันที ทำให้ผู้ประกอบการสามารถประหยัดต้นทุนในการผลิตอีกด้วย

สุดท้ายการทำ Digital Transformation สามารถสร้างสรรค์สินค้าใหม่ๆเพิ่มขึ้น เนื่องจากมาพร้อมกับ Hardware Platform, Database, API Application ต่างๆ รวมไปถึง Storage และ Service ต่างๆซึ่งสามารถแบ่งได้ตามความต้องการ คือ Private Cloud , Public Cloud และ Hybrid Cloud

บริการทั้งหมดที่กล่าวมา มีจุดเด่นในเรื่องดังสรุปต่อไปนี้

1.เรื่องของค่าใช้จ่าย ผู้ใช้งานจ่ายค่าบริหารตามความเป็นจริง ไม่ต้องลงทุนอุปกรณ์และระบบ หากใช้บริการน้อยผู้ใช้บริการก็จ่ายเพียงจำนวนเล็กน้อย เราไม่ต้องไปซื้อซอฟต์แวร์ไม่ต้องซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่เพิ่ม องค์กรไม่ต้องลงทุนทรัพยากรเพิ่ม

2.การให้บริการมีความยืดหยุ่นสูง ผู้ใช้งานสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องโดยที่หากพื้นที่ในการให้บริการเต็มก็สามารถขอขยายพื้นที่ในการให้บริการได้ทันที

3.สามารถใช้งานเข้าถึงได้ทุกที่ที่มีการเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ต

4.ผู้ใช้งานสามารถใช้งานโดยเข้าถึงเครื่องมือต่างๆในการทำงานร่วมกันได้ พนักงานในองค์กรสามารถแชร์ข้อมูลทำให้ทำงานได้ง่ายขึ้น

5.เป็นโครงสร้างบริการที่มีมาตรฐานมีระบบสำรองที่เพียงพอ มีระบบย่อยดูแลทั่วประเทศ ระบบไม่ล่มอย่างแน่นอน

6.ไม่จำเป็นที่ต้องเขียนโปรแกรมใหม่ทั้งหมด เนื่องจากบริการ Cloud มีเครื่องมือในการให้บริการมากมายสามารถหยิบเครื่องมือเหล่านี้มาให้บริการกับลูกค้าได้ทันที

7.พนักงานต่างๆ มาให้บริการลูกค้าเพิ่มมากขึ้นมากกว่าโฟกัสไปยังระบบ

ตลาดมูลค่า Cloud service ทั่วโลก ปีหน้า 2020 จะเติบโตในมูลค่า 384 US Dollar Billion เพิ่มขึ้น 14.5 เปอร์เซ็นต์ สำหรับประเทศไทยคาดการณ์ว่าปี 2023 จะเติบโตในมูลค่า 105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.7 เปอร์เซ็นต์

ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ใช้งานผ่านโครงสร้างพื้นฐานของ AWS Public Cloud จะเชื่อมต่อกับต่างประเทศเนื่องจากต้องใช้บริการร่วมกับ Application แต่ผลที่ผ่านมาคือการรับส่งสัญญาณเกิดการดีเลย์สูง ซึ่งไม่เหมาะในการให้บริการในการรับส่งข้อมูลระหว่างต่างประเทศ สิ่งที่สำคัญคือหากเราเลือกตั้งเซิร์ฟเวอร์ภายในประเทศไทยเพื่อความเร็วที่สูงขึ้นและข้อมูลไม่รั่วไหลไปยังต่างประเทศ

ดังนั้น ทาง AWS และ CAT ให้บริการ Hybrid Cloud Solutions และ Private Cloud ให้บริการภายในประเทศ ส่วนสุดท้ายบางส่วนมีบริการ Cloud รับส่งข้อมูลภายนอกประเทศบางส่วน

สำหรับการให้บริการใหม่คือ AWS Outposts ได้ยกโครงสร้างพื้นฐานจากต่างประเทศมาอยู่ในประเทศไทยซึ่งให้บริการ ต่างๆ เช่น Billing Service ทาง CAT จะออกบิลค่าใช้บริการในรูปแบบของคนไทยพร้อมจ่ายภาษี เพื่อไม่ให้ลูกค้าไม่ต้องสำรองการจ่ายค่าบริการผ่านบัตรเครดิตส่วนตัวแล้วไปเบิกกับหน่วยงาน

บริการใหม่ของ CAT ภายใต้ความร่วมมือกับ AWS เป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญยิ่งของ CAT ในปี 2563 นี้ เพื่อนำบริการคลาวด์ของ CAT ไปสู่การเป็นอันดับ 1 ของไทย โดยนำบริการคลาวด์ที่ดีที่สุดมาให้องค์กรในประเทศไทยได้ใช้และพัฒนาไปพร้อมกัน ภายใต้แบรนด์ ‘CAT Cloud powered by AWS” ชูจุดเด่นคือบริการ AWS Outposts ที่ถูกติดตั้งจัดเก็บข้อมูลในประเทศไทยที่ Data Center ของ CAT พร้อมบริการเสริมที่ครบถ้วนจาก AWS นำเสนอเป็นโซลูชันไฮบริดคลาวด์ตอบโจทย์ทุกองค์กร

- AWS Outposts ฮาร์ดแวร์แร็คออกแบบโดย AWS ที่ตั้งค่าการทำงานและบริหารจัดการได้อย่างเต็มรูปแบบ ช่วยให้ลูกค้าในประเทศไทย สามารถรันเวิร์กโหลดบน on-premise และเชื่อมต่อกับบริการที่หลากหลายของ AWS บนคลาวด์ได้อย่างไร้รอยต่อ ด้วยระบบโครงสร้างพื้นฐานและโมเดลการดำเนินการแบบเดียวกับที่ใช้ในปัจจุบัน มอบประสบการณ์ไฮบริดที่ต่อเนื่องอย่างแท้จริง

- AWS Professional Services เป็นการผสานกำลังความแข็งแกร่งระหว่าง CAT กับ AWS ในการให้คำปรึกษา, ความช่วยเหลือ, และคำแนะนำในการออกแบบระบบ Cloud ที่ครอบคลุมทุกความหลากหลายของ Solution, เทคโนโลยี, และรองรับทุกธุรกิจ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและความคุ้มค่ากับการลงทุนที่สุดให้กับลูกค้า

- AWS Managed Services (AMS) บริการบริหาร, ดูแล และจัดการระบบไอทีพื้นฐานขององค์กรแบบครบวงจร ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละราย เพื่อให้ลูกค้าได้ทุ่มเทกับธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่

- AWS Direct Connect คือการเชื่อมโยงวงจรสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่าย Private Network ของ CAT เข้ากับ AWS Direct Connect Locations