Wi-Fi 6 คืออะไร
ถ้าเราใช้ Wi-F เมื่อก่อนจะเป็น 802.11b 802.11ac ทาง IEEE เปลี่ยนชื่อคล้าย 3G 4G 5G เรียกง่ายๆ Wi-Fi 1 ถึง Wi-Fi 6 ตลอด 20 ปี พัฒนาสู่ Gen 6 ถ้าเอาสำคัญๆ Wi-Fi 4, Wi-Fi 5 คือ 802.11n 802.11ac ล่าสุด 802.11ax ข้อดีคือ Wi-Fi เร็วเท่ากับสายแลน (ทางทฤษฎี) แต่ Wi-Fi 6 จะเร็วขนาดนั้น ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ใช้งาน, สัญญาณรบกวน แต่ Wi-Fi 6 ไม่ใช่แค่เรื่องความเร็วที่เพิ่มขึ้น แต่อุปกรณ์ตอนนี้เยอะขึ้น นอกจากความเร็วที่เร็วขึ้นแล้ว เทียบกับ 4G มา 5G ก็ว่าเร็วแล้ว 10 - 20Mbps ก็เร็วอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญ Wi-Fi 5 มา Wi-Fi 6 คือเรื่องค่าความหน่วงหรือ Latency สื่อสารได้เร็วขึ้น ตอบโต้ ได้เร็วขึ้น ความเร็วเพิ่มขึ้น Bandwidth กว้างขึ้น Latency คือคล่องตัวกว่า จำนวน user ใช้งานพร้อมกันได้มากขึ้น ถนนใหญ่ขึ้น เป็นถนนหลายชั้น ส่งข้อมูลได้พร้อมกันหลายๆ Users ทำให้อุปกรณ์ IoT ทำงานได้ดี รองรับอุปกรณ์ได้มากขึ้น
เคยได้ยินว่า 5G แก้ปัญหาสำหรับ IoT ส่วน Wi-Fi ก็พัฒนาให้รองรับอุปกรณ์ได้มากขึ้น พวก sensor ต่างๆ ที่เรา Tracking สิ่งของต่างๆ มีอุปกรณ์ Devices เพิ่มมากขึ้น ส่วนจะใช้ 5G หรือ Wi-Fi 6 ทั้ง 2 เทคโนโลยีต่างถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้คล้ายกัน 5G ใช้งานได้ที่ไหนก็ได้ Mobility ใช้ 5G ได้ตลอดเวลา ในโรงงาน ออฟฟิศ ในบ้านก็ใช้ Wi-Fi
Low-Energy มีประโยชน์กับ IoT เรื่องพลังงานแบตเตอรี่ พวก 4G 5G มี NB IoT ส่วน Wi-Fi 6 มี Target Wake-up Time (TWT) ช่วยให้เซ็นเซอร์ต่างๆ ไม่ต้องส่งข้อมูลตลอดเวลา ทำงานเฉพาะตอนที่เรากำหนดเท่านั้น ทำให้มี sensor อยู่ได้ 2 - 5 ปี ไม่ต้องเปลี่ยนแบต พวกนี้ ไม่มีจอ เป็นเซ็นเซอร์ ลดภาระที่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ลงได้
ตอน 4G ก็มีคำถามนี้เช่นกัน ปกติถ้าเรามี Wi-Fi ตรงไหน ก็มักจะเชื่อมต่อ Wi-Fi ก่อนเสมอ เพราะ 4G เป็นเทคโนโลยีที่ผู้ให้บริการมีต้นทุนสูงในการสร้างเครือข่าย แพ็กเกจ Unlimited ราคายังแพง 8-9 ร้อยบาท เป็นพัน ผู้ใช้แบบนี้มีไม่เกิน 5% ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Limited 5GB 10GB หรือใช้เติมเงิน ทำให้ผู้ใช้ยังมองหาการเชื่อมต่อ Wi-Fi เพราะไม่ต้องเปลืองเน็ต ไปห้าง ร้านอาหาร ร้านกาแฟเราก็มักจะหา Wi-Fi ฟรีใช้กันอยู่แล้ว
ยิ่งเป็น 5G ต้นทุนสูง ทำให้โอกาส ที่ 5G กว่าจะครอบคลุมในอาคารต้องใช้เวลาร่วม 4 - 5 ปี ทำนองเดียวกับตอน 4G ที่ใช้เวลาใกล้ๆ กัน อีกอย่างคือ 5G ใน 1 สถานีฐาน ต้องใช้จำนวนสถานีเท่าๆ กับ Wi-Fi เลย ต้องมีสถานี (เสา) เยอะมาก ความถี่ 5G สูงมาก 26GHz ก็เลยมีการลดทอนสัญญาณมาก (จากสิ่งกีดขวาง) ทำให้ต้องติดตั้ง Base Station ถี่มากๆ ถึงจะได้ความเร็วสูงอย่างที่ 5G ควรจะเป็น โดย 5G ปัจจุบัน 2600MHz ยังไม่ใช่ 5G ที่มีความเร็วหลายๆ Gbps ตอนนี้เต็มที่ 1Gbps - 1.5Gbps ณ ตอนนี้ที่เราใช้กัน ยังเป็น 5G แบบที่ปู Coverage ยังไม่ใช่ 5G ที่เป็นความเร็วสูงหลายๆ Gbps ถ้าเอาจริงๆ ต้องใช้เวลา ใช้เงินลงทุนสูง สรุปคือต้องลงทุนสูงสำหรับ 5G ทำให้ Wi-Fi ยังจำเป็นอยู่สำหรับองค์กร ออฟฟิศ ยังไง Wi-Fi ก็ยังต้องใช้ ยิ่งองค์กรต้องมีการจำกัดการเข้าถึงเครือข่ายจากภายนอก ก็ยังต้องใช้ Wi-Fi ต่อไป อาจจะ 5 - 10 ปี 5G จะมาแทนอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายได้
Wi-Fi 6 ใช้คลื่น 5GHz แบบ Unlicensed Band ต่างจากคลื่นมือถือต้องประมูล (Licensed Band) คือ Wi-Fi 6 รันบนคลื่น 5GHz ทำให้ channel เริ่มเต็ม ตอนนี้ อเมริกา อังกฤษ อนุญาต ให้ใช้ Wi-Fi 6 ในย่านความถี่ 6GHz ทำให้มีคลื่น Bandwidth กว้างขึ้น ทำให้ใช้ Wi-Fi ใช้งานได้ดีขึ้น ตอนนี้ 5GHz ใช้กันเยอะ แน่นแล้ว คลื่นมี 20 channel ใช้ได้จริงๆ 12 channel ดังนั้น Wi-Fi 6E รันบน 6GHz จะได้ channel มากกว่าเยอะ ทำให้ใช้งานได้มากขึ้น
ถ้าอยากใช้ Wi-Fi 6 แล้ว ต้องทำอย่างไร
ตอนนี้ อุปกรณ์ มือถือปีที่แล้ว รุ่นท็อป รุ่นเรือธง iPhone Samsung รุ่นใหม่ๆ รองรับ Wi-Fi 6 หมดแล้ว สิ่งที่เราต้องเปลี่ยนคือ Access Point ตอนนี้ True AIS 3BB ทุกคนจะเริ่มเปิดตัว Wi-Fi 6 อย่างเต็มตัว ถ้า Access Point เดิม ใช้มือถือ ทดสอบสปีดเทสได้ 600Mbps บนเน็ตความเร็ว 1Gbps เพราะข้อจำกัด ถ้าเป็น Wi-Fi 6 เน็ต 1Gbps จะสปีดเทสได้ 990Mbps - 1Gbps เกือบๆ เต็มสปีดของแพ็กเกจ ปิดท้าย วันนี้ถ้าทำออฟฟิศ แนะนำให้ใช้ Wi-Fi 6 ไปเลย ระยะยาว
เรียบเรียงจากรายการ Tech Monday จากช่อง Mission to the Moon