การเข้ามาของเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น IoT, AI หรือ Big Data ทำให้เกิดการพัฒนาในภาคอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก จนตอนนี้ เรามี Manufacturing Intelligence กันแล้ว จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถทำให้การผลิตสินค้า มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นได้เหมาะสมกับสิ่งที่เราต้องการ คุณรุ่งโรจน์ ศรีรัตนโรจน์ จะมาอธิบายให้เราฟังกันแบบง่ายๆ
การทำให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างถูกต้อง มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย Manufacturing Intelligence มาช่วยในภาคอุตสาหกรรม บริษัทของคุณรุ่งโรจน์ช่วยเรื่อง Business Transform ช่วยกลุ่มลูกค้าภาคการผลิต โดย Manufacturing Intelligence เป็นแบรนด์ของโปรดักส์ ควรใช้คำว่า Intelligence Factory ขั้นกว่าของ Smart Factory
โรงงานมี 4 ยุค เช่นที่เราเคยได้ยิน Industry 4.0 โดยยุคแรก เป็นโรงงานที่มีเครื่องจักรแบบ Standalone ใช้คนในการทำงาน ควบคุมเครื่องจักร ทุกขั้นตอนใช้เครื่องจักรช่วยผ่อนแรง เช่น โรงกลึงเหล็ก อันนี้ใช้แรงงานคนเยอะ ยุคที่ 2 เริ่มมีสายพานลำเลียง ใช้คน แต่ผลิตซ้ำๆ เช่น ผลิตรถยนต์ ผลิตแชมพู สบู่ เครื่องสำอางค์ แต่ยุคนี้คือ Mass Production ยังใช้คนดูแล ยังมี error, defect พอยุคที่ 3 คือ Smart Factory เริ่มใช้คอมพิวเตอร์ควบคุม สายพานลำเลียง ใช้คอมพิวเตอร์ คนเขียน logic ใช้คอมทำตาม logic ตามสูตรของคน จึงเป็น Smart Factory พอยุค 4.0 คือตัดสินใจด้วย Logic ด้วย Intelligence ใช้ Machine Learning เข้ามาช่วย โดยยุค 4.0 ต่างจากยุค 2.0, 3.0 คือ ใช้เทคโนโลยีเครื่องจักร คุยกับคอมพิวเตอร์ได้ ใช้ปัญญาประดิษฐ์ คุยกับคอมพิวเตอร์ได้ เราไม่ทำ Mass production แล้ว แต่ใช้ Mass Customization เช่น ทำแชมพูหลายสูตรได้ จากเดิม Fix สูตรเดียวทั้งหมด ตอนนี้ทำได้หลายสูตร Customized ได้เลย เป้าหมายคือ เพิ่มศักยภาพในการผลิต แต่ Industry 4.0 ไม่ได้มองแค่การผลิต Productivity แต่มอง ประสิทธิภาพ ศักยภาพของผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น
ในภาคอุตสาหกรรม พวกเซ็นเซอร์ต่างๆ IoT มีบทบาทสำคัญกับ Industry 4.0 เป็น IIoT (Industry IoT) ไม่ใช่แค่เป็นเซ็นเซอร์ส่งข้อมูล แต่เป็นการหน่วยคอนโทรลเครื่องจักร แล้วส่งข้อมูลจากเครื่องจักรไปใช้กับ Big Data โดยข้อมูลจากภาคการผลิต Database เอา ML Machine Learn มาเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของชิ้นงานได้
ถ้าใช้กล้อง จับภาพของสินค้ามาตรวจสอบ Defect อันนี้จะเป็นการประมวลผล ในขณะนี้ Industry 4.0 ไม่ใช่แค่ตรวจสอบ Defect แต่คำนวณ ตรวจสอบว่า Defect หรือเปล่า คาดการณ์ได้ว่ากำลังจะมี Defect
Industry 4.0 คือ ROI การคือลด Cost เช่น การตรวจสอบ Defect Predictive ช่วยลด Cost ได้แน่นอน เช่น โรงงานผลิตเครื่องสำอางค์ ปกติมีการผสมสูตรเฉพาะ (Fixed) พอคุณภาพไม่นิ่ง ไม่ตายตัว ผลกลับออกมาไม่ได้คุณภาพ เอา AI มาช่วย นำข้อมูลวัตถุดิบ มาปรับสูตร ด้วย ML, Deep Learning ปลายทางคาดหวังคุณภาพสินค้า ทำให้แทนที่จะรอดู defect วัตถุดิบ ทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่เหมือนกัน
โรงงานผลิตในไทย คาดหวังว่าจะไป Industry 4.0 ตอนนี้ยังเป็น 2.0 กันเยอะ มี 3.0 บ้าง แต่ยังไม่เป็น Industry 4.0 หลักๆ เรามองการดึงข้อมูลจากเครื่องจักร จริงๆ ต้องมองเรื่อง การใช้ Cloud Services และการทำ Data Model ต่อไปการพัฒนาซอฟต์แวร์จะเปลี่ยนไป แต่จะเป็นการดึง Data ทั้งหมด เป็นการดึง Data Model
Industry 5.0 จะเป็นอย่างไร
ตอนนี้เริ่มมีการพูดถึง Industry 5.0 ยังไม่ได้พูดถึงตรงๆ ว่า Industry แต่เป็น Society 5.0 โดยตอนนี้จะเป็น Industry 4.0 แยกเป็น Cyber Ecosystem ส่วน 5.0 เป็น Cobot (Collaboration with Human with robot = Cobot)
Industry 4.0 ที่ใกล้เคียงกับเราคือ ใช้ Google Maps นำทาง นำข้อมูล traffic ตำแหน่ง ส่งไปบน Cloud ประมวลผล แล้วส่งกลับมาให้เรา 5.0 คือ Auto Pilot ของเดิมใช้ Google Maps ใช้ข้อมูลของคนมาประมวลผล ส่วน 5.0 คือการใช้ชีวิตของคนบนโลกไซเบอร์เลย
จุดที่คนจะต้องพัฒนาไป Industry 5.0 คือเรื่อง Critical Thinking Skill ของคน จะต้องพัฒนาสกิลของคน นั่นเอง