21 ธ.ค. 2563 1,004 0

มาสเตอร์การ์ด จับมือ MatchMove และ Tappy เพิ่มความปลอดภัยเมื่อชำระเงิน ด้วยอุปกรณ์สวมใส่ทุกประเภท ด้วยเทคโนโลยีโทเค็นไนเซชั่นในชิปขนาดเล็ก

มาสเตอร์การ์ด จับมือ MatchMove และ Tappy เพิ่มความปลอดภัยเมื่อชำระเงิน  ด้วยอุปกรณ์สวมใส่ทุกประเภท ด้วยเทคโนโลยีโทเค็นไนเซชั่นในชิปขนาดเล็ก

การร่วมมือกันของทั้ง 3 ฝ่ายทำให้ผู้ถือบัตร MatchMove Mastercard® สามารถเก็บข้อมูลบัตรไว้บนชิปขนาดเล็กได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย เพียงฝังชิปไว้บนอุปกรณ์สวมใส่ก็สามารถเปลี่ยนให้เป็นอุปกรณ์ชำระเงินได้ภายในพริบตา

มาสเตอร์การ์ด ร่วมมือกับ แมตช์มูฟ (MatchMove) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีทางการเงินจากประเทศสิงคโปร์ และแท็ปปี้ เทคโนโลยี (Tappy Technologies) ผู้นำระดับโลกในการผสานเทคโนโลยีการชำระเงินเข้ากับอุปกรณ์สวมใส่ เปิดตัวการชำระเงินแบบคอนแทคเลสด้วยชิปขนาดเล็กที่มาพร้อมเทคโนโลยีโทเค็นไนเซชั่น โดยชิปขนาดเล็กนี้สามารถนำไปฝังติดกับอุปกรณ์สวมใส่ที่ไม่มีแบตเตอรี่หรือเครื่องประดับใดก็ได้ เช่น สายนาฬิกาข้อมือและพวงกุญแจ เพื่อเปลี่ยนให้เป็นอุปกรณ์ที่สามารถนำไปใช้ชำระเงินแบบคอนเทคเลสได้อย่างปลอดภัย

ปัจจุบันผู้ถือบัตรของแมตช์มูฟสามารถผูกบัตร MatchMove Mastercard® เข้ากับชิปได้แล้ว เพียงวางอุปกรณ์สวมใส่หรือเครื่องประดับที่ฝังชิปเรียบร้อยแล้วลงบนดีไวซ์ที่เชื่อมต่อบลูทูธได้ของทางแท็ปปี้ เทคโนโลยี จากนั้นดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นของแท็ปปี้และทำตามคำแนะนำในแอพฯ โดยข้อมูลสำคัญของบัตร MatchMove Mastercard® ซึ่งจะถูกเก็บอยู่บนชิปจะถูกเข้ารหัสด้วยเทคโนโลยีโทเค็นของมาสเตอร์การ์ดที่มีชื่อว่า Mastercard’s Digital Enablement Services (MDES) เมื่อทำการเชื่อมต่อกับดีไวซ์ผ่านบลูทูธ จากนั้นผู้ถือบัตรสามารถนำอุปกรณ์สวมใส่ที่ผูกบัตรสำเร็จแล้วไปใช้จ่ายตามจุดชำระเงินที่รับคอนแทคเลสเพย์เมนต์ได้เหมือนใช้จ่ายด้วยบัตรคอนแทคเลสหรือดิจิทัลวอลเล็ต

โทเค็นไนเซชั่น คือมาตรฐานความปลอดภัยชั้นนำของการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ การผสานเทคโนโลยีโทเค็นไนเซชั่นเข้ากับผลิตภัณฑ์ของแท็ปปี้ถือเป็นก้าวสำคัญในยุคที่ผู้บริโภคทั่วโลกหันมาใช้จ่ายแบบคอนแทคเลสในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดเพื่อรักษาความปลอดภัยด้านสุขอนามัยและเพื่อปฎิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ผลสำรวจทั่วโลกประจำปี 2563 ของมาสเตอร์การ์ด พบว่า 91% ของผู้ตอบแบบสอบถามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังใช้จ่ายแบบคอนแทคเลส ในขณะที่ 75% ระบุว่าพวกเขาจะยังคงใช้จ่ายแบบคอนแทคเลสต่อไปแม้การแพร่ระบาดจะสิ้นสุดลงเนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย