กระแสการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลลดผลกระทบเชิงลบของโควิดต่อการลงทุนด้านไอที
การ์ทเนอร์คาดการณ์แนวโน้มการใช้จ่ายไอทีทั่วโลกปี 2564 จะมีมูลค่า 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 6.2% จากเดิมที่ติดลบ 3.2% ในปี 2563 เป็นผลสืบมาจากผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ (CIO) ให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีและบริการต่าง ๆ และถือเป็น "ภารกิจสำคัญสุด" ในช่วงการระบาดระยะต้น ๆ
การปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาเพื่อใช้ทำงานและการเรียนจากระยะไกลได้สร้างปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วอย่างไม่คาดคิดในปี 2563 รวมถึงการใช้ชีวิตวิถีใหม่ช่วงล็อคดาวน์และมาตรการเว้นระยะห่างที่เปรียบเสมือนดาบสองคม ซึ่งยังเป็นปัจจัยช่วยลดผลกระทบเชิงลบของโรคระบาดนี้ต่อการใช้จ่ายด้านไอทีช่วงปีใหม่
“สิ่งที่ซีไอโอในปี 2564 จะมีมาตรการที่มีดุลยภาพต่อกันนั่นคือการเก็บเงินสดในขณะเดียวกันก็ต้องขยายระบบไอที” จอห์น-เดวิด เลิฟล็อค รองประธานฝ่ายวิจัย บริษัท การ์ทเนอร์ กล่าว “เมื่อเศรษฐกิจกลับคืนสู่สภาวะปกติ ธุรกิจก็จะมุ่งลงทุนกับไอทีตามแผนเพื่อสร้างการเติบโตไม่ใช่เป็นการลงทุนตามรายได้ ณ ปัจจุบัน โดยในปีนี้ธุรกิจดิจิทัลที่มีโปรเจกต์ที่เห็นผลในระยะสั้นจะได้รับเงินทุนและความสนใจมากกว่าจากผู้บริหารและคณะกรรมการคัดเลือก”
คาดว่าการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทุกเซกเมนต์จะกลับมาเติบโตในปี 2564 (ดูตารางที่ 1) ซอฟต์แวร์ระดับองค์กรจะเติบโตสูงสุด (8.8%) จากการพัฒนาและปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานระยะไกล โดยกลุ่มอุปกรณ์ดีไวซ์จะมีอัตราการเติบโตรองลงมา (8%) โดยมีมูลค่าถึง 705.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ตารางที่ 1. คาดการณ์มูลค่าการใช้จ่ายด้านไอทีทั่วโลก (หน่วย: ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
มูลค่าการใช้จ่าย ปี 2563 | มูลค่าการเติบโต ปี 2563 (%) | มูลค่าการใช้จ่าย ปี 2564 | มูลค่าการเติบโต ปี 2564 (%) | มูลค่าการใช้จ่าย ปี 2565 | มูลค่าการเติบโต ปี 2565 (%) | |
ดาต้าเซ็นเตอร์ | 214,985 | 0.0 | 228,360 | 6.2 | 236,043 | 3.4 |
ซอฟต์แวร์ระดับองค์กร | 465,023 | -2.4 | 505,724 | 8.8 | 557,406 | 10.2 |
อุปกรณ์ดีไวซ์ | 653,172 | -8.2 | 705,423 | 8.0 | 714,762 | 1.3 |
บริการทางด้านไอที | 1,011,795 | -2.7 | 1,072,581 | 6.0 | 1,140,057 | 6.3 |
บริการด้านการสื่อสาร | 1,349,891 | -1.7 | 1,410,745 | 4.5 | 1,456,637 | 3.3 |
มูลค่าการใช้จ่ายด้านไอทีทั้ | 3,694,867 | -3.2 | 3,922,833 | 6.2 | 4,104,906 | 4.6 |
“มีปัจจัยหลากหลายที่ช่วยผลักดันให้ตลาดดีไวซ์เติบโตสูงขึ้น” นายเลิฟล็อคกล่าว “การที่ประเทศต่าง ๆ ยังคงใช้รูปแบบการศึกษาจากระยะไกลต่อเนื่องตลอดปีนี้ จะส่งผลให้ความต้องการแท็บเล็ตและแล็ปท็อปของนักเรียนเพิ่มสูงขึ้น เช่นเดียวกับที่หลายองค์กรกำลังดำเนินการให้การทำงานระยะไกลของพนักงานเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น โดยที่มาตรการกักตัวอยู่บ้านรวมถึงปัจจัยด้านเสถียรภาพของงบประมาณช่วยให้ซีไอโอได้กลับมาลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบเมื่อปี 2563 อีกครั้ง”
จนถึงปี 2567 ธุรกิจต่าง ๆ จะถูกบังคับให้เร่งแผนการเปลี่ยนแปลงธุรกิจไปสู่ดิจิทัลอย่างน้อยห้าปีเพื่อเอาตัวให้รอดในโลกหลังโควิด -19 โดยการทำงานระยะไกลและช่องทางสื่อสารดิจิทัลจะได้รับการยอมรับและนำมาใช้อย่างถาวร การ์ทเนอร์คาดการณ์การใช้จ่ายด้านไอทีทั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับการทำงานระยะไกลจะมีมูลค่ารวมสูงถึง 332.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2564 เพิ่มขึ้น 4.9% จากปี 2563
“ช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงต้นปี 2564 ธุรกิจดิจิทัลนำเทคโนโลยีที่เป็นเทรนด์ต่าง ๆ มาปรับใช้ได้อย่างโดดเด่น อาทิ การประมวลผลผ่านคลาวด์, การใช้แอปพลิเคชันทางธุรกิจ, เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและเพิ่มประสบการณ์ลูกค้าระดับแถวหน้า รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพให้ความคิดริเริ่มใหม่ ๆ เช่น ระบบไฮเปอร์ออโตเมชั่น ซึ่งจะยังเดินหน้าพัฒนาต่อและให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนแก่โปรเจกต์เหล่านั้น รวมถึงขจัดงานในกระบวนการที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป” นายเลิฟล็อคกล่าว
แม้จะมีการฉีดวัคซีน COVID-19 ให้กับประชาชนแล้วแต่ไวรัสนี้ยังคงแทรกแซงเสถียรภาพรัฐบาลต่าง ๆ ตลอดปี 2564 โดยมีปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 เช่น การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (หรือ Brexit) และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ - จีน ซึ่งจะเป็นปัจจัยยับยั้งการฟื้นตัวในบางภูมิภาค
โดยภาพรวมการฟื้นตัวของตลาดไอทีระดับโลกจะยังไม่กลับไปอยู่ในระดับเดียวกันกับปี 2562 จนกว่าจะถึงปี 2565 แม้หลายประเทศอาจจะฟื้นตัวเร็วกว่า แต่ในระยะยาวอุตสาหกรรมที่เป็นแหล่งรวมผู้คน อาทิ ร้านอาหารและภัตตาคารต่างๆ การเดินทางท่องเที่ยว และความบันเทิงจะยังมีแนวโน้มเติบโตต่ำ
“โควิด-19 ได้เปลี่ยนความสามารถทางเทคโนโลยีหรือที่การ์ทเนอร์เรียกว่า techquilibrium ให้กับหลายอุตสาหกรรม” นายเลิฟล็อคกล่าว “ยกระดับความสามารถของกระบวนการไปสู่ดิจิทัลภายในองค์กร, ห่วงโซ่อุปทาน, การโต้ตอบกับลูกค้าและคู่ค้า รวมถึงการส่งมอบบริการที่กำลังมาในปี 2564 ให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น และเปลี่ยนบทบาทไอทีจากการสนับสนุนธุรกิจไปสู่การเป็นธุรกิจ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุดของปีนี้ คือ ไอทีจะได้รับเงินสนับสนุนอย่างไร มากกว่ากังวลกับจำนวนเงินทุนที่ใช้สนับสนุนด้านไอที
ชมผลวิเคราะห์อย่างละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มการใช้จ่ายด้านไอทีทั่วโลกที่เว็บบินาร์ของการ์ทเนอร์ ในหัวข้อ “IT Spending Forecast, 4Q20 Update: Recovery in 2021 but Recovered in 2022.” เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มใหม่ ๆ ความท้าทายธุรกิจในอนาคต และแนวทางปฏิบัติสำหรับซีไอโอรวมถึงผู้นำไอทีในอีบุ๊คของการ์ทเนอร์ Top Priorities for IT: Leadership Vision for 2021.
การคาดการณ์แนวโน้มการใช้จ่ายด้านไอทีของการ์ทเนอร์ ใช้วิธีการวิเคราะห์ยอดขายอย่างเข้มข้นจากผู้ค้าหลายพันรายครอบคลุมผลิตภัณฑ์และบริการด้านไอทีทั้งหมด การ์ทเนอร์ใช้เทคนิคการวิจัยขั้นต้นซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยแหล่งข้อมูลทุติยภูมิที่เชื่อถือได้ในการสร้างฐานข้อมูลที่ครอบคลุมข้อมูลขนาดตลาดซึ่งเป็นฐานการพยากรณ์
การคาดการณ์มูลค่าการใช้จ่ายด้านไอทีของการ์ทเนอร์ รายไตรมาสนำเสนอมุมมองที่แตกต่างครอบคลุมกลุ่มฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บริการทางด้านไอทีและในกลุ่มของการสื่อสารโทรคมนาคม รายงานเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าของการ์ทเนอร์ ตระหนักถึงโอกาสและความท้าทายทางการตลาด ลูกค้าของการ์ทเนอร์สามารถอ่านรายงานการคาดการณ์การใช้จ่ายด้านไอทีล่าสุดได้จาก Gartner Market Databook, 4Q20 Update การคาดการณ์การใช้จ่ายไอทีไตรมาสนี้รวมลิงก์ข้อมูลของรายงานการใช้จ่ายด้านไอทีล่าสุด webinar blog posts และข่าวประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ไว้ด้วย
เกี่ยวกับการ์ทเนอร์
บริษัท การ์ทเนอร์ (Gartner, Inc.) (NYSE: IT) คือบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก และมีรายชื่ออยู่ในดัชนี S&P 500 บริษัทฯ ให้ข้อมูลเชิงลึก คำแนะนำ และเครื่องมือต่าง ๆ แก่ผู้บริหารองค์กรธุรกิจ เพื่อรองรับการดำเนินภารกิจสำคัญที่มีอยู่ในปัจจุบันและสร้างองค์กรให้ประสบความสำเร็จในอนาคต
การ์ทเนอร์นำเสนองานวิจัยที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ และใช้แหล่งข้อมูลจากผู้ปฏิบัติงานจริง เพื่อชี้นำลูกค้าสำหรับการตัดสินใจที่ถูกต้องเหมาะสมในเรื่องที่สำคัญที่สุด การ์ทเนอร์ทำหน้าที่เป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นกลางและเป็นที่ปรึกษาที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรต่าง ๆ กว่า 14,000 แห่งในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมทุกส่วนงานสำคัญ ๆ ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมและองค์กรทุกขนาด