10 เม.ย. 2564 1,395 45

เอเชีย แค็บ ผนึกกำลัง 4 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ เดินหน้าพัฒนา CABB EV รถแท็กซี่ไฟฟ้าต้นแบบสัญชาติไทยคันแรก

เอเชีย แค็บ ผนึกกำลัง 4 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ เดินหน้าพัฒนา CABB EV รถแท็กซี่ไฟฟ้าต้นแบบสัญชาติไทยคันแรก

“เอเชีย แค็บ” ผนึกกำลัง 4 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ เดินหน้าพัฒนา “CABB EV” รถแท็กซี่ไฟฟ้าต้นแบบสัญชาติไทยคันแรก


เอเชีย แค็บ ผู้ผลิตและผู้ให้บริการ CABB รถแท็กซี่ที่มีต้นแบบจากลอนดอนแท็กซี่ ผนึกกำลังกับ “เอสซีจี  เคมิคอลส์” “พลังงานบริสุทธิ์” “ซัมมิท โอโต บอดี้ อินดัสตรี” ลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการ “เทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสำหรับ CABB แท็กซี่เพื่ออนาคต (CABB EV)” พร้อมกันนี้ เอเชีย แค็บ ยังได้ลงนามความร่วมมือ 2 ฝ่ายกับ “ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย)” เพื่อสนับสนุนด้านไอทีและเทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของรถ


ศฤงคาร สุทัศน์ชูโต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย แค็บ จำกัด เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างบริษัท เอเชีย แค็บ จำกัด บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซัมมิท โอโต บอดี้ อินดัสตรี จำกัด และบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะร่วมกันพัฒนารถยนต์รับจ้างสาธารณะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและเทคโนโลยีอัจฉริยะต้นแบบ (รถต้นแบบ) ภายใต้ชื่อ CABB EV ซึ่งกระบวนการพัฒนารถต้นแบบนี้มีสาระสำคัญ 5 ด้าน คือ 1.การพัฒนาโครงสร้างรถยนต์ที่มีน้ำหนักเบาโดยมีสมรรถนะและมาตรฐานด้านความปลอดภัยไม่ต่ำกว่าโครงสร้างเดิม 2.การพัฒนาระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและระบบเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ ของรถยนต์ 3.การพัฒนาแหล่งพลังงานหรือแบตเตอรี่และระบบจัดการแบตเตอรี่ 4.การพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ที่สามารถผลิตหรือประกอบได้ภายในประเทศ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมของประเทศไทย 5.การพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับรถต้นแบบและการสนับสนุนธุรกิจของรถต้นแบบ

สำหรับบทบาทหน้าที่ของแต่ละฝ่ายนั้น ทาง เอสซีจี เคมิคอลส์ จะให้การสนับสนุนบุคลากร และการวิจัยเพื่อพัฒนาโครงสร้างรถยนต์ที่มีน้ำหนักเบาและเหมาะสมกับระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ทางด้าน พลังงานบริสุทธิ์ จะให้การสนับสนุนบุคลากร และการวิจัยพัฒนาเกี่ยวกับแหล่งพลังงานที่มาจากแบตเตอรี่ ระบบการจัดการแบตเตอรี่และสถานีไฟฟ้าสำหรับพลังงานแก่รถยนต์ การวิจัยพัฒนาโซลูชั่นระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่สนับสนุนการทำงานของรถให้ได้ประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม สำหรับ ซัมมิท จะให้การสนับสนุนบุคลากร และการพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ต่าง ๆ ที่สามารถผลิตได้ภายในประเทศ เพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศ และ เอเชีย แค็บ จะประสานงานทุกฝ่ายเพื่อให้ความร่วมมือบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ และพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถต้นแบบให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และสร้างโอกาสในการส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ที่ใช้รถยนต์แบบพวงมาลัยขวา ส่วน ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นการลงนามร่วมกัน 2 ฝ่ายกับเอเชีย แค็บ จะให้การสนับสนุนบุคลากร โครงสร้างพื้นฐานทางไอทีและเทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน และเทคโนโลยีทางด้านข้อมูลเพื่อเพิ่มโอกาสและความเป็นไปได้ทางธุรกิจ โดยพันธมิตรทุกฝ่ายจะให้การสนับสนุนการศึกษาความเป็นไปได้ทางการตลาดสำหรับรถยนต์ต้นแบบร่วมกับคู่สัญญาฝ่ายที่เหลือ


ศฤงคาร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน เอเชีย แค็บ เป็นผู้ผลิตและผู้ให้บริการ CABB รถแท็กซี่ที่มีต้นแบบจากลอนดอนแท็กซี่ ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการด้วยมาตรฐานใหม่ ปลอดภัย สะอาด สะดวกสบาย สบายใจ นับเป็นรถแท็กซี่ที่มีคุณลักษณะโดดเด่นหนึ่งเดียวในไทย โดยเรียกใช้บริการได้ทาง CABB Application หรือ CABB Call Centre 02-0268888 หรือ CABB Stand จุดให้บริการตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งตั้งแต่เปิดตัวเมื่อประมาณกลางปี 2563 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้งานเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เอเชีย แค็บ เล็งเห็นว่าหากสามารถพัฒนารถแท็กซี่ไฟฟ้า เกิดเป็น CABB EV ได้จะเป็นการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะของประเทศไทยให้มีมาตรฐานยิ่งขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งการร่วมมือกับ 4 พันธมิตรในครั้งนี้จะใช้ระยะเวลา 1 ปี หากการผลิตรถต้นแบบประสบความสำเร็จและคุ้มค่าเชิงเศรษฐกิจ ก็จะร่วมมือกันพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถต้นแบบในขั้นตอนถัดไป อาจจะอยู่ในรูปของการตกลงซื้อขาย การจ้างออกแบบจ้างผลิต ร่วมทุน หรือจะอยู่ในรูปของการพัฒนาธุรกิจรับจ้างสาธารณะในประเทศ หรือส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศต่าง ๆ เป็นต้น  


“เราคาดว่า CABB EV จะผลิตสำเร็จและสามารถออกมาให้บริการประชาชนได้ในปี 2565 นับเป็นรถแท็กซี่ไฟฟ้าสัญชาติไทยคันแรก ซึ่งจะช่วยยกระดับระบบขนส่งสาธารณะของไทยให้มีมาตรฐานมากขึ้น และเรายังคาดหวังว่าจะเห็น CABB EV เป็นแท็กซี่ที่เป็นไอคอนของประเทศไทยที่ผู้คนนึกถึง รวมทั้งตอบรับกับนโยบายของภาครัฐที่จะผลักดันให้ยานยนต์ไทยไร้มลพิษ เพื่อช่วยลดมลพิษในอากาศ และทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้น” ศฤงคาร กล่าว