18 พ.ค. 2564 3,339 106

redONE ซิมรายเดือนแบบ MVNO ราคาประหยัด เริ่มต้นถูกที่สุดเพียง 99 บาท

redONE ซิมรายเดือนแบบ MVNO ราคาประหยัด เริ่มต้นถูกที่สุดเพียง 99 บาท

บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทโทรคมนาคมแบบโครงข่ายเสมือน (Mobile Virtual Network Operator หรือ MVNO*) และเป็นผู้นำ MVNO แห่งภูมิภาคอาเซียน ภายใต้แบรนด์ “เรดวัน (redONE) เปิดตัว “ซิมรายเดือนเรดวัน” ครั้งแรกที่เครือข่ายแบบ MVNO มาพร้อมบริการรายเดือนราคาประหยัด ภายใต้แนวคิด Back to basics แพ็คเกจเข้าใจง่าย ครบทั้งโทรและอินเทอร์เน็ต เริ่มต้นถูกที่สุดเพียง 99 บาท


สุรเชษฐ์ ชัยปัทมานนท์ ตำแหน่ง ประธานกรรมการ บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการเปิดตัวซิมรายเดือนเรดวันในไทยว่า  “เรดวัน เปิดตัวครั้งแรกในปี 2555 ที่ประเทศมาเลเซีย เป็นผู้ให้บริการสัญญาณระบบ MVNO แห่งแรกที่มาพร้อมแพ็คเกจค่าบริการรายเดือนราคาประหยัด ด้วยปรัชญาการให้บริการ Back to Basics ที่ต้องการให้ผู้ใช้งานหลุดจากกรอบค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่ไม่จำเป็น ทำให้เรดวันได้กระแสตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งานอย่างรวดเร็ว จนมีผู้ใช้บริการกว่า 1.2 ล้านเลขหมาย รวมทั้งได้รับรางวัลมากมายในประเทศ


บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค มุ่งมั่นที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ให้บริการ MVNO ที่ใหญ่ที่สุดและครอบคลุมพื้นที่ 10 ประเทศในอาเซียนเป็นเจ้าแรกภายในปี 2565  สิ่งที่ทำให้เรดวันเติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่เพียงราคาแพ็คเกจที่น่าสนใจเท่านั้น แต่หัวใจสำคัญยังเป็นโมเดลธุรกิจที่มอบผลตอบแทนให้กับตัวแทนผู้ให้บริการของเราอย่างต่อเนื่อง เมื่อปี 2562 เราเปิดตัวที่สิงคโปร์ และได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก ซึ่งเป็นการพิสูจน์ความสำเร็จของรูปแบบโมเดลธุรกิจในแบบของเรดวัน ดังนั้นในปีนี้เราพร้อมแล้วที่จะมุ่งมั่นบุกตลาดประเทศอื่นต่อ ประเทศไทยเป็นประเทศต่อไปที่เราขยายฐานการให้บริการ ซึ่งเปิดให้บริการวันแรกในวันที่ 18 พฤษภาคม 2564

ในปัจจุบันผู้ใช้งานมือถือมากมายต้องประสบปัญหาจ่ายค่าบริการโทรศัพท์ส่วนเกินอย่างเสียเปล่า เรดวันจึงออกแบบแพ็คเกจภายใต้แนวคิด Back to Basics ที่ครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้งาน ในราคาที่สมเหตุสมผล ไม่แพงจนเหลือใช้และไม่น้อยจนขาดช่วง ทำให้ลูกค้าไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่ไม่จำเป็น และได้ใช้มือถือตรงความต้องการอย่างแท้จริง และด้วยปรัชญาองค์กรที่เข้าใจง่ายทำให้เราเป็นที่ยอมรับและเติบโตอย่างแข็งแรงในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์”


สุวิทย์ มังกรศิลานนท์ ตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเกี่ยวกับการลงทุนในประเทศไทยว่า “เราได้สำรวจตลาดและอัตราการเติบโตของผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือในไทย มีการเติบโตต่อเนื่องสูงถึง 93.3 ล้านเลขหมาย ทำให้เรามั่นใจที่จะทุ่มทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาการให้บริการในไทย  ซึ่งงบการลงทุนจะเกี่ยวกับระบบออนไลน์ต่างๆ ที่ทำให้เราสามารถให้บริการในระบบรายเดือน รวมถึงการเข้าถึงคลื่นสัญญาณความถี่ที่ 2100 MHz และ 2300 MHz เพื่อให้โครงข่ายสัญญาณของเรดวัน ครอบคลุมทุกจังหวัดในประเทศไทย โดยมีสัญญาณตั้งแต่ 2G, 3G, 4G, 4G+ และ จะสามารถให้บริการ 5G ได้ในอนาคต”


เพ เส้ง เทย์ (Tay Pei Seng) ตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์การตลาดของเรดวันในการทำตลาดในประเทศไทยว่า “เรดวันวางแผนจะเจาะกลุ่มผู้ที่อาศัยอยู่ในต่างจังหวัดรวมถึงผู้ที่เดินทางเข้ามาทำงานในเมืองโดยใช้ location-based marketing เป็นหลัก เพื่อนำพา traffic ผู้ใช้งานไปสู่ร้านค้าพันธมิตรของเราในแต่ละพื้นที่โดยตรง ผ่าน 3 ช่องทางหลักการตลาด ได้แก่

1. Social Media & Online Marketing สร้างการรับรู้ในกลุ่มเป้าหมายหลัก

2. Local Marketing สื่อนอกบ้านที่เจาะตามชุมชนจังหวัดต่างๆ

3. Point of Sales media ประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย ซึ่งคือจุดที่ลูกค้าตัดสินใจในการซื้อจริงๆ


เราเชื่อว่ากลยุทธ์ของเรา จะช่วยให้การลงทุนทางการตลาดตรงไปสู่กลุ่มเป้าหมายหลักและเกิดการรับรู้ถึงแบรนด์เรดวัน รวมถึงช่วยสนับสนุนพันธมิตรทางธุรกิจของเราไปด้วย ในส่วนของแพ็คเกจค่าโทรและอินเทอร์เนท ที่ประเทศไทยจะเริ่มต้นในราคาที่ถูก ด้วยราคา 99 บาท ซึ่งจะได้ครบทั้งการโทรและอินเทอร์เนทและสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของเรดวันได้ที่ www.redONE.co.th หรือ facebook.com/redONEThailand และทางไลน์ @redonethailand” ผู้บริหารกล่าวทิ้งท้าย


อธิบายเพิ่มเติม

*MVNO (Mobile Virtual Network Operator) คือ การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบโครงข่ายเสมือน โดยผู้ประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งไม่มีคลื่นความถี่เป็นของตนเอง ทำความตกลงกับผู้ประกอบการโทรคมนาคมที่มีคลื่นความถี่และโครงข่ายโทรคมนาคมเป็นของตนเองเพื่อขอซื้อบริการ เพื่อขอใช้ airtime (Voice) และบริการข้อมููล (Data) ในกรณีของเรดวัน บริษัทได้ทำความตกลงกับบมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ NT  สำหรับการเข้าถึงคลื่นสัญญาณความถี่ที่ 2100 MHz และ 2300 MHz โดยมีสัญญาณตั้งแต่ 2G, 3G, 4G, 4G+ และจะสามารถให้บริหาร 5G ได้ในอนาคต