28 พ.ค. 2564 1,187 7

ZTE ร่วมกับ AIS และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี นำเทคโนโลยี 5G เสริมศักยภาพอุตสาหกรรมไทย ยกระดับสู่ โรงงานอัจฉริยะ

ZTE ร่วมกับ AIS และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี นำเทคโนโลยี 5G เสริมศักยภาพอุตสาหกรรมไทย ยกระดับสู่ โรงงานอัจฉริยะ

ZTE Corporation ร่วมกับ AIS ผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตระดับชั้นนำของไทยและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี นำเทคโนโลยี 5G ในสายการผลิตพลิกโฉมสู่โรงงานอัจฉริยะ เพื่อเสริมศักยภาพในการผลิตให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ด้วยอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยี อาทิ 5G Cloud AGV รถเคลื่อนย้ายอัตโนมัติ, Inspection หุ่นยนต์ลาดตระเวน, 5G AR Remote Guidance ควบคุมการทำงานจากระยะไกล, VR Monitoring ตรวจสอบภาพหน้างานแบบเรียลไทม์ และ Robotic Arm แขนกลอัจฉริยะมั่นใจ ช่วยผลักดันอุตสาหกรรมการผลิตไทยให้ก้าวไปสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยี 5G” อย่างมีคุณภาพสูงสุด


หลิงจื้อ รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาด บริษัท แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า “ZTE ในฐานะของ ผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีระดับโลก โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นองค์กรภาคอุตสาหกรรม และได้ร่วมมือกับพันธมิตรระดับชั้นนำ พัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี 5G มาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมอุตสากรรมหลักมากกว่า 15 อุตสาหกรรม ในการจับมือกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)(AIS) และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เพื่อพัฒนาโซลูชั่น 5G end-to-end สำหรับอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแก่ กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมในประเทศไทย มั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตและยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งผลักดันให้อุตสาหกรรมการผลิตก้าวไปสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยี 5G” อย่างมีคุณภาพสูงสุด 

ในความร่วมมือระหว่าง ZTE กับ AIS และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีมุ่งนำเสนอนวัตกรรมที่จะพลิกโฉมโรงงานธรรมดาให้กลายเป็นโรงงานอัจฉริยะด้วยนวัตกรรมใหม่อาทิ 5G Cloud AGV รถเคลื่อนย้ายอัตโนมัติ, Inspection หุ่นยนต์ลาดตระเวน, 5G AR Remote Guidance ควบคุมการทำงานจากระยะไกล, VR Monitoring ตรวจสอบภาพหน้างานแบบเรียลไทม์ และ Robotic Arm แขนกลอัจฉริยะ โดยการเริ่มต้นที่ จังหวัดนครราชสีมา เนื่องจากเป็นจุดเชื่อมต่อกับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NEEC)  โดยปัจจุบัน จังหวัดนครราชสีมา ดังนั้น จึงมั่นใจว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) สามารถตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี โดยมีหลักสูตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัล หลักสูตรครอบคลุมเทคโนโลยี AI, คลาวด์, IoT, VR และ AR 

ยิ่งไปกว่านั้น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.)ยังมีการฝึกอบรมเกี่ยวกับขอบเขตของเทคโนโลยี 5G ให้กับธุรกิจต่างๆ โดยความร่วมมือระหว่าง ZTE และ AIS เชื่อว่าจะสนับสนุนให้การใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีที่หลากหลาย ผ่านเครือข่ายเทคโนโลยี 5G  ทั้งนี้ จะเสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มกำลังในการผลิตให้ดียิ่งขึ้น 

ด้านแนวโน้มในการเทคโนโลยี 5G ในช่วง10 ปีข้างหน้า เชื่อว่ามีส่วนช่วยเพิ่ม จีดีพี (GDP)โลก เติมโตประมาณ 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีอุปกรณ์ในประเทศจีน ที่เชื่อมต่อ5G มากกว่า 200 ล้านเครื่อง และคาดว่าจะมีการเชื่อมต่อราวพันล้านครั้ง โดย ZTE จะผลิตอุปกรณ์ เพื่อให้บริการใช้ผ่านเทคโนโลยี 5G ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อ กระบวนการผลิต ที่เชื่อมต่อข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ข้อมูลทั้งหมดสามารถนำมาวิเคราะห์การใช้งานได้อย่างละเอียดเมื่อพบว่าอุปกรณ์เกิดความผิดปกติ ก็จะสามารถซ่อมแซมอย่างอัตโนมัติในทันที ช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องจักรให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมหาศาล”

ความร่วมมือนี้ ZTE ได้ร่วมกับ AIS และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) พัฒนาโซลูชั่น เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานภาคอุตสาหกรรมได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น ซึ่งการทำงานครั้งนี้เรามุ่งเน้นไปที่การสร้าง สมาร์ท แฟคตอรี่ (Smart Factory)หรือ โรงงานอัจฉริยะ ให้มีความสามารถตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมได้ด้วย 5G Total Solutions for Industrialที่ได้นำเอาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล AIS 5G บนคลื่นความถี่ย่าน 2600 GHz แบบ SA (Standalone) คลื่นความถี่ย่านกลางที่มีคุณสมบัติอย่างดีเยี่ยมในการทำ Use Case ซึ่งจะช่วยลดความหน่วง (Latency)  และรองรับ IoT เต็มรูปแบบ เพื่อสร้างเป็นต้นแบบให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการยกระดับขีดความสามารถในการบริหารจัดการ พร้อมทรานส์ฟอร์มกระบวนการขั้นตอนการผลิต ท่ามกลางบริบทของภาคอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว”

สำหรับ โซลูชันที่เสนอให้กับโรงงาน มุ่งเน้นการตอบสนองการทำงานของแต่ละส่วนในสายการผลิตผ่านเทคโนโลยี 5G อย่างเช่น รถนำทางอัตโนมัติ ‘5G Cloud AGV’ สามารถกำหนดขอบเขตพื้นที่ในการเดินทาง และเคลื่อนที่อัตโนมัติได้ด้วยตัวเองทำให้เป็นเพิ่มประสิทธิภาพภายในโรงงานคลังสินค้าในส่วนของ'หุ่นยนต์ลาดตระเวนตรวจสอบ 5G' สามารถจดจำใบหน้าทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย สามารถลาดตระเวนพื้นที่ตามจุดต่างๆ พร้อมรายงานทันที เมื่อพบความผิดปกติหรือสิ่งต้องสงสัย และ ‘แขนหุ่นยนต์ 5G’ มีศักยภาพในการบริหารจัดการตรวจสอบ และ เลือกอุปกรณ์ หยิบจับผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายขนาด ในขณะเดียวกัน "5G AR Remote Guidance"  มีฟังก์ชั่นควบคุมการใช้งานและซ่อมแซมได้จากระยะไกล  สำหรับ ‘5G VR Monitoring’ เป็นเครื่องมือตรวจสอบการประกันคุณภาพแบบเรียลไทม์เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์มีมาตรฐานสม่ำเสมอตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงสินค้าสำเร็จรูป ทั้งหมดนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่จะส่งเสริมศักยภาพภาพให้กับผู้ประกอบการโรงงานของไทย ได้นำเทคโนโลยี 5G มาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ และยกระดับสู่ “โรงงานอัจฉริยะ” หลิงจื้อกล่าวในที่สุด