Apple จัดงาน Worldwide Developer Conference หรือ WWDC 2021 แบบออนไลน์ ซึ่งเราสรุปมาให้ว่ามีอะไรใหม่บ้าง
แน่นอนว่า หลายๆ คนรอคอย iOS เวอร์ชั่นใหม่ เรียกได้ว่าเป็น major update ของ iOS โดยมาพร้อม staying connected, finding focus, using intelligence และ exploring the world ซึ่งจะมี iOS 15 public beta ในเดือนกรกฎาคมนี้ และออกในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้
อัปเดต FaceTime
อันนี้บอกเลยว่า น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น รองรับระบบเสียง Spatial audio เมื่อใช้กับอุปกรณ์ที่รองรับ ทำให้เราคุยเหมือนเพื่อนมาคุยข้างหู เหมือนมายืนอยู่ข้างๆ เลย และ Voice isolation หรือการตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ได้ดีขึ้น เมื่อคุย FaceTimie ในสภาพแวดล้อมที่เสียงดังมากๆ และหน้าสวยด้วย Portrait mode คือ FaceTime แบบฉากหลังเบลอ ส่วนคนที่ใช้ Android ใช้ FaceTime links เป็นการส่ง link FaceTime ให้เปิดบนคอม (desktop) และ Android ผ่านเบราวเซอร์ มา FaceTime กัน
SharePlay: แชร์เสียงหรือวีดีโอ เช่น Disney+, Hulu, HBO Max และ TikTok กับเพื่อน รักษาระยะห่าง แต่ยังใกล้กันเหมือนนั่งอยู่ด้วยกันกับเพื่อน สามารถแชร์วีดีโอผ่าน AppleTV และ sync กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ทั้งบ้าน
“Focus” mode
ปรับแต่งมือถือของเราได้ตามสถานการณ์ต่างๆ เช่น “work” ทำงานกับแอปที่เกี่ยวข้องกับงาน แอบมาเล่นเฟซไม่ได้ หรือ “personal” ตัดงานทิ้งไป เข้าสู่ Vacation mode พักผ่อน
ปรับเรื่อง Notifications ระบุความสำคัญให้ iOS ได้เรียบรู้ notifications ที่สำคัญมากหรือน้อย เช่น หลังตื่นนอน หรือก่อนนอน
Live Text
Live Text เป็นที่กล่าวขาน เพราะใช้กล้องแปลงร่างตัวอักษรในภาพ (ลายมือ หรือตัวพิมพ์) สามารถค้นหา copy/paste สามารถตรวจจับข้อความตัวอักษรได้ หรือพวกป้ายบอกทาง ป้ายร้านต่างๆ
Apple Wallet
แปลงร่างกุญแจบ้าน ออฟฟิศ และโรงแรม มาไว้บน Apple Wallet คือกุญแจบนมือถือ เช่น เราไปโรงแรมแล้วพอเช็กอิน ได้ห้องเรียบร้อยก็จะมีกุญแจขึ้นมาบนมือถือ และรองรับ TSA คือกุญแจกระเป๋าเดินทางที่เป็นมาตรฐาน มีการเข้ารหัส และสามารถเก็บใบขับขี่ไว้บน Wallet
Apple Maps
Maps ได้รับการพัฒนาในการแสดงผล 3D elevation maps, 3D rendered landmarks แสดงทางเดินเท้า และเลนจักรยาน
ตอนนี้ Apple Maps ปรับให้ใช้งานได้ง่ายคล้ายกับ Google Maps ใช้กล้องสแกนตึกต่างๆ หาทิศในการเดินได้แบบไม่หลง
อัปเดต AirPods
Conversation mode ทำให้ AirPods Pro เร่งเสียงพูดของคุณ และควบคุมเสียงรบกวนภายนอก ให้เหมือนกับการคุยแบบเห็นหน้า ในสภาพแวดล้อมที่เสียงดังจอแจ
Find My ค้นหา AirPods ผ่าน Find My app แม้อยู่ในเคส และแจ้งเตือนหากลืมไว้
iPadOS มาพร้อมหน้า home screen widgets คล้ายกับบน iOS มีขนาด widget ที่ใหญ่ขึ้น แสดงผลบนจอใหญ่ได้สวยขึ้น
มี “App Library” แปลงโฉมจาก iOS มาไว้บน iPadOS
เมนู multitasking ที่ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น ทำงานแบบ multitasking บน iPadOS ได้คล่องตัวมากขึ้น
แอป Notes ที่สามารถ @ mention ใครสักคนเพื่อแชร์ note ไฮไลท์สิ่งที่เปลี่ยนแปลงเมื่อกลับมาแชร์เอกสาร “Quick Notes” สร้างโน๊ตได้เพียงแค่ swipe up จากมุมขวาล่างของหน้าจอ
Translate วุ้นแบบภาษาบน iPadOS เป็น text translation คุยกับชาวต่างชาติได้สบาย
Swift Playgrounds สร้างแอปบน iPad แล้วส่งขึ้น App Store
โดย Public beta จะมาในเดือนกรกฎาคม และตัวเต็มมาในฤดูใบไม้ร่วง
Security updates
แอป Mail ปลอดภัยขึ้น ซ่อน IP address/location ในการใช้งาน ป้องกันการเจาะอีเมลจากนักการตลาด อธิบายง่ายๆ คืออีเมลคุณจะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
“App Privacy Report” เน้นเรื่องความปลอดภัย รายงานผลให้รู้ว่ามีการอนุญาต app accesses เข้าถึง location รูปภาพต่างๆ ข้อดีคือปลอดภัยจากพฤติกรรมแปลกปลอม
Siri speech recognition มือถือจะปิดการบันทึกเสียง อย่างที่เรารู้ว่าบางแอปมีการบันทึกเสียงพูดเราไปเพื่อโฆษณาทางการตลาด สั่งคำสั่ง Siri โดยไม่ต้องง้อเน็ต
คุณสามารถ ใส่ contacts ของเพื่อนบน iCloud ทำให้สามารถเลือกเพื่อนที่เคยหายไปมาไว้บน iCloud และหากเจ้าของเครื่องเสียชีวิต สามารถเลือก “Legacy” contacts เพื่อเข้าถึงรายชื่อบน iCloud
อัปเดตเรื่อง Health
การแสดงผลเรื่องสุขภาพ ใช้ iPhone วิเคราะห์การออกกำลังกาย วิเคราะการเดินที่มั่นคง ไม่โซเซ ช่วยแจ้งเตือนการหกล้ม
“Trends” รวมข้อมือสุขภาพบน health app แสดงการเดิน อัตราการเต้นของหัวใจ
“Health sharing” แชร์ข้อมือสุขภาพกับคนในครอบครัว เช่นสุขภาพพ่อแม่ หรือลูกๆ หลานๆ
watchOS
watchOS ช่วย track การหายใจ การหยุดหายใจขณะนอนหลับ และกิจกรรมออกกำลังกาย workout modes เช่น Tai Chi และ Pilates
“Portraits” watchface ใช้ภาพ portrait-mode สร้าง neat คล้ายนาฬิกา
Text input พิมพ์บนหน้าปัดนาฬิกาบน WatchOS มาพร้อม “Scribble” ใช้ลายมือ หรือการลากเส้น เพื่อสะกดคำในการพิมพ์ เขียนตัวอักษรทีละตัว คล้ายกับใช้บนเครื่องปาล์มสมัยก่อน
Siri กับการใช้งานบนอุปกรณ์ third-party
Apple เปิดให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ผสาน Siri กับอุปกรณ์ third-party ได้
macOS
อัปเดต macOS ภายใต้ชื่อ macOS Monterey
ดูวีดีโอ - ฟังเพลง แล้วแชร์กับเพื่อนได้บน Mac ผ่าน FaceTime ได้บน macOS
“Universal control” ตั้งค่า keyboard/mouse ควบคุม macs และ iPads หลายเครื่อง จดจำเครืองได้ เช่น ใช้คอมหลายเครื่องด้วยเม้าส์และคีย์บอร์ดเดียวกัน ถ้ามีอุปกรณ์มาวางใกล้ เช่น วาง iPad ข้าง MacBook ควบคุมได้ง่าย
Macs ใช้งาน AirPlay ส่งคอนเทนต์เล่นบน AirPlay บนหน้าจอ Mac คล้ายกับ AppleTV
“Shortcuts” แปลงมาจาก iOS สู่ macOS สามารถ drag-and-drop สคริปต์คำสั่ง หากคุณใช้ระบบ automator บน macOS ตอนนี้ใช้งานได้แล้ว
Safari ปรับหน้าตา UI หลักๆ ที่เห็นได้ชัดคือเรื่องแท็ป และมี “tab groups” จัดระเบียบ Tab groups และ sync ระหว่างอุปกรณ์ ผ่าน iCloud
Dev stuff
นักพัฒนา มองการใช้งานของผู้ใช้เป็นหลัก Apple ก็เลยเสิร์ฟ APIs สำหรับให้ผู้ใช้ ใช้งาน SharePlay, Focus ได้
iOS มาพร้อมกับ built-in 3D object scanning ทำให้นักพัฒนาสามารถใส่ลงไปบนแอป ทำให้แอปมี 3D scanning ได้ คือมาใช้ของ Apple
นักพัฒนา สามารถสร้าง multiple App Store คือมีหน้าตา product pages เหมือนกันในแอปเดียว แต่อาจจะมีไอคอนที่แตกต่างกัน มีหน้าจอ screenshot ที่ไม่เหมือนกัน
TestFlight บริการที่คล้ายกับ APK คือเป็น pre-release/beta ของแอปบนสโตร์ของ Apple ใช้งานได้บนมือถือ แท็ปเล็ต นาฬิกา ใช้งานได้บน macOS ด้วย