IBM Watson Advertising (NYSE: IBM) ประกาศถึงงานวิจัยใหม่ที่จะใช้เทคโนโลยีเอไอแบบโอเพนซอร์สที่พัฒนาโดยไอบีเอ็ม ในการสำรวจว่าอคติที่ไม่พึงประสงค์ในงานโฆษณามีมากเพียงใด พร้อมวางแนวทางเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
อุตสาหกรรมโฆษณากำลังอยู่ภายใต้การทรานส์ฟอร์มครั้งสำคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวและการเพิ่มความโปร่งใส เป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เอไอกลายเป็นเทคโนโลยีหลักของอุตสาหกรรม ท่ามกลางช่วงเวลาของการรีแบรนด์ธุรกิจในก้าวย่างทรานส์ฟอร์เมชัน จึงเป็นจังหวะที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะจัดการกับปัญหาอคติที่ไม่พึงประสงค์ในงานโฆษณา โดยผลการศึกษาของสถาบันจีนาเดวิสที่ศึกษาเรื่องเพศในสื่อเผยให้เห็นว่านักแสดงชายปรากฏอยู่ในโฆษณามากกว่านักแสดงหญิง 12% และแม้ว่าวิดีโอที่มีนักแสดงหญิงเป็นฝ่ายนำและมีความสมดุลเท่าเทียมทางเพศจะมีจำนวนการเข้าชมมากกว่าวิดีโออื่นๆ ถึง 30% แต่ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการมีเนื้อหาที่ครอบคลุมทุกเพศมากขึ้น
อคติที่ไม่พึงประสงค์ในโฆษณาอาจส่งผลเสียต่อผู้บริโภค ทำให้พลาดโอกาสทางเศรษฐกิจหรือรู้สึกว่าตกเป็นเป้าหมายตามภาพกำหนดที่สังคมวางไว้ ขณะเดียวกันยังส่งผลเสียต่อแบรนด์เพราะอาจนำสู่ผลลัพธ์การทำแคมเปญที่ไม่ดีนัก จุดมุ่งหมายการวิจัยของ IBM Watson Advertising คือการผลักดันให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับปัจจัยที่นำสู่อคติที่ไม่พึงประสงค์ในงานโฆษณา และแนวทางที่เอไอจะสามารถช่วยได้ โดยศึกษาครอบคลุมกลุ่มผู้ชมต่างๆ รูปแบบการสื่อสารด้วยข้อความเชิงสร้างสรรค์ การเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญ รวมถึงผลกระทบจากแคมเปญ ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้นักการตลาดและไอทีเวนเดอร์สามารถพัฒนาโร้ดแม็ปนสำหรับการใช้งานเอไออย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อลดอคติที่ไม่พึงประสงค์ รวมถึงสร้างสรรค์และลงมือทำแคมเปญต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
"เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ ที่วาทกรรมที่ล่วงเลยมานานเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคม กำลังโน้มนำวาระแห่งชาติและการดำเนินงานต่างๆ” บ๊อบ ลอร์ด รองประธานอาวุโสด้านเวิลด์ไวด์อีโคซิสเต็มของไอบีเอ็มกล่าว "ความหวังของเราคือการที่เอไอสามารถเป็นตัวเร่งการลดอคติที่ไม่พึงประสงค์ในงานโฆษณาได้ พร้อมกับช่วยพลิกโฉมอุตสาหกรรมโฆษณา สร้างยุคใหม่ที่ไม่มีคุกกี้ของบุคคลที่สามในหน้าเว็บไซต์ที่เราเยี่ยมชม การวิจัยครั้งนี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญสู่เป้าหมายเหล่านั้น โดยวิทยาศาสตร์จะชี้ให้เห็นว่าเอไอสามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้มากเพียงใด"
IBM Watson Advertising จะทำงานร่วมกับนักวิจัยจากสถาบันวิจัยไอบีเอ็ม เพื่อทำการศึกษานี้ร่วมกับ Ad Council รวมถึงองค์กรชั้นนำในอุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษาต่างๆ โดยกรอบการศึกษาครอบคลุมถึง
ข้อมูลจากโครงการศึกษาวัคซีนโควิด-19 ที่ชื่อ "It's Up to You" ของ Ad Council จะถูกใช้ในการวิจัยเฟสแรก โดยจะใช้ชุดเครื่องมือ AI Fairness 360 เพื่อตรวจสอบข้อมูลและพิจารณาว่ามีวิธีใดบ้างที่เอไอจะช่วยลดการเลือกปฏิบัติและอคติ
"อคติแบบกลุ่มเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมของเราในวงกว้างมาเนิ่นนานเกินไปแล้ว และสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องศึกษาจุดกำเนิดและผลกระทบต่างๆ เพื่อให้เราสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำสู่ความก้าวหน้ายิ่งขึ้น" ลิซ่า เชอร์แมน ประธานและซีอีโอของ Ad Council กล่าว "Ad Council ภูมิใจที่ได้เป็นพันธมิตรภาคอุตสาหกรรมรายแรก จากอีกหลายๆ องค์กรที่กำลังทำงานร่วมกับไอบีเอ็ม เพื่อช่วยขับเคลื่อนภารกิจการวิจัยที่น่าสนใจนี้"
IBM Watson Advertising มีพันธกิจในการใช้เอไอเป็นตัวเร่งการพัฒนาโซลูชัน รวมถึงปรับปรุงบริการและความน่าเชื่อถือในอีโคซิสเต็มงานโฆษณา โดยต่อยอดจากความเป็นผู้นำของไอบีเอ็มในการทรานส์ฟอร์มธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วยเอไอ
IBM Watson Advertising วางแผนที่จะเผยแพร่ผลการวิจัยเบื้องต้นและข้อมูลอัพเดทหลังจากที่โครงการได้คืนหน้าไปแล้วในระดับหนึ่ง
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ IBM Watson Advertising ที่ https://www.ibm.com/watson-advertising
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชุดเครื่องมือ AI Fairness 360 ได้ที่ https://ai-fairness-360.org/