เกษตรกรไร่กาแฟและโกโก้รายย่อย รวมถึงกลุ่มสหกรณ์ในฮอนดูรัส เดินหน้าใช้เทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงตลาดใหม่ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจด้านการเพาะปลูก ด้วยการใช้ IBM Food Trust และ IBM Watson Decision Platform for Agriculture ผ่านการทำงานร่วมกับไฮเฟอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลและไอบีเอ็ม (NYSE: IBM)
ปัจจุบัน ชาวไร่กาแฟรายย่อยขาดทุนเฉลี่ย 46–59% โดยที่ชาวไร่ได้รับส่วนแบ่งจากยอดขายกาแฟหนึ่งถ้วยในร้านกาแฟน้อยกว่า 1% การนำ Food Trust ที่พัฒนาขึ้นบนเทคโนโลยีบล็อกเชนของไอบีเอ็มมาใช้ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสตลอดซัพพลายเชน จะทำให้ผู้ที่ซื้อกาแฟจากสหกรณ์ COPRANIL ในฮอนดูรัสและ Chocolate Halba ที่ซื้อโกโก้มาจากโครงการ Chocolate4All ของไฮเฟอร์ ฮอนดูรัส สามารถเห็นภาพวงจรผลิตภัณฑ์ตลอดซัพพลายเชน และช่วยให้เกษตรกรสามารถกำหนดราคาที่สูงขึ้นได้
Food Trust ช่วยให้เกษตรกรสามารถติดตามตรวจสอบเมล็ดกาแฟและโกโก้ได้จากไร่ถึงแหล่งจำหน่าย อันเป็นการช่วยเพิ่มความโปร่งใสตลอดซัพพลายเชนและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาด ปัจจุบันเกษตรกรกาแฟในสหกรณ์ COPRANIL และเกษตรกรโกโก้จากโครงการ Chocolate4All กำลังใช้แพลตฟอร์มดังกล่าว โดยเทคโนโลยีบล็อกเชนช่วยบันทึกแหล่งกำเนิดผลิตภัณฑ์ให้กับเกษตรกรรายย่อย ซึ่งช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดให้กับเกษตรกร
ไฮเฟอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลและไอบีเอ็ม ร่วมด้วย CATIEซึ่งเป็นองค์กรนานาชาติที่เน้นความอยู่ดีกินดีของมนุษย์ในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกาอย่างยั่งยืนและเท่าเทียม ก็กำลังร่วมมือกับชาวนาในการติดตั้ง Watson Decision Platform for Agriculture ซึ่งรวมเทคโนโลยีเอไอที่สามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้า เข้ากับเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเชิงพื้นที่ สภาพอากาศ และข้อมูลสิ่งแวดล้อมและไอโอทีระดับพื้นที่ ผ่านแดชบอร์ดที่เข้าใจง่ายและปรับเฉพาะสำหรับพื้นที่ของชาวไร่แต่ละคน โดยระบบสามารถแจ้งเตือนสภาพอากาศและข้อมูลอื่นๆ อาทิ รูปแบบการเพาะปลูกที่จะให้ผลลัพธ์ดีที่สุด และกำหนดการการเก็บเกี่ยวที่เชื่อมโยงกับข้อมูลราคาตลาด มุมมองเชิงลึกเหล่านี้ช่วยให้ชาวไร่และธุรกิจด้านการเกษตรสามารถตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูล เพื่อเพิ่มปริมาณและมูลค่าผลผลิต โดยคาดว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรกาแฟและโกโก้
“เราทำงานร่วมกับชาวไร่มา 18 เดือนเพื่อศึกษาถึงแนวทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การปรับแวลูเชนให้เป็นดิจิทัล และการเปิดตลาดให้กับเกษตรกรรายย่อยเพื่อให้พวกเขาสามารถกำหนดราคาที่สูงขึ้นได้” เฮซุส ปิซาร์โร รองประธานด้านนวัตกรรมการเงินของไฮเฟอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว “COPRANIL เป็นกลุ่มสหกรณ์รายแรกของโลกที่ใช้ระบบดังกล่าว และกำลังปูทางในการนำเครื่องมือและเทคโนโลยีเข้าช่วยพัฒนาและสร้างกำไรอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจด้านการเกษตรต่อไป”
ปีที่ผ่านมา สหกรณ์ COPRANIL สามารถผลิตเมล็ดกาแฟได้กว่าเจ็ดแสนกิโลกรัม การเพิ่มคุณภาพและความสามารถในการตรวจสอบแหล่งกำเนิดผลิตภัณฑ์จะช่วยให้ชาวไร่ได้รับราคาเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงที่เป็นธรรมขึ้น และจะช่วยเพิ่มความยั่งยืนทางเศรษฐกิจให้กับกลุ่มชุมชนไร่กาแฟด้วย
“เวลาที่คนดื่มกาแฟของเราและรู้ว่ากาแฟเหล่านี้มาจากที่ไหน คนที่ได้รับประโยชน์คือชาวไร่ที่อยู่ในสหกรณ์ของเรา” ฮอร์เก โลเปซ รองประธานสหกรณ์ผู้ผลิตกาแฟ COPRANIL กล่าว “Food Trust ช่วยให้เครือข่ายชาวไร่ของเราสามารถกำหนดราคากาแฟในระดับพรีเมียมมากขึ้น นำสู่การเพิ่มคุณภาพการทำกินของชาวไร่”
Food Trust จะช่วยชาวไร่รวมถึงผู้แปรรูปกาแฟและโกโก้ให้สามารถตรวจสอบใบรับรอง พัฒนากระบวนการดูแลผลิตภัณฑ์ และช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเพิ่มคุณภาพเมล็ดกาแฟ
“สิ่งที่เราทำร่วมกับไฮเฟอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลและ COPRANIL เป็นบททดสอบที่สำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีเอไอและบล็อกเชนสามารถสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสนับสนุนความยั่งยืนผ่านการช่วยผู้ผลิตรายย่อยได้อย่างไร” ดร.คารีม ยูซุฟ กรรมการผู้จัดการ IBM AI Applications and Blockchain กล่าว “การนำ predictive AI มาช่วยเพิ่มปริมาณผลผลิต และการใช้บล็อกเชนระบุแหล่งกำเนิดและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เป็นการช่วยให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงข้อมูลและมุมมองเชิงลึกใหม่ๆ ซึ่งจะนำสู่การกำหนดราคาที่สูงขึ้นในตลาด”
ในขั้นตอนการตรวจสอบแหล่งกำเนิดเมล็ดกาแฟ ผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องตลอดทั้งซัพพลายเชนจะได้รับอนุญาตให้เข้าระบบเพื่ออัพโหลดข้อมูลสู่แพลตฟอร์ม Food Trust และใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อเข้าถึงเอกสารต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจด้านจริยธรรมและความเท่าเทียมตลอดซัพพลายเชน กระบวนการจะเริ่มจากการที่ไฮเฟอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลอัพโหลดข้อมูลการจัดส่งต้นกล้าสู่ชาวไร่ หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ชาวไร่จะติดแท็กและส่งเมล็ดกาแฟไปยัง COPRANIL ผู้แปรรูป โดยที่ COPRANIL จะมีการอัพโหลดข้อมูลเพิ่มเติมสู่บล็อกเชน ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับเมล็ดกาแฟ รวมถึงกรรมวิธีและระดับความสะอาดของเมล็ด ความแห้ง และการคั่ว รวมถึงระบุว่าคุณลักษณะต่างๆ เป็นไปตามเกณฑ์ด้านแฟร์เทรด ออร์แกนิค และเกณฑ์อื่นๆ หรือไม่ จากนั้นจะเปิดให้หน่วยงานที่มาซื้อถึงข้อมูล เพื่อให้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับเมล็ดกาแฟและการกำหนดราคา
ทั้งนี้ สหกรณ์และผู้ที่เกี่ยวข้องวางแผนที่จะขยายกรอบงานและใช้ Food Trust ในการแทร็คเอกสารการค้าที่เทรดเดอร์และผู้ส่งออกใช้ ซึ่งรวมถึงใบตราส่งสินค้าทางทะเล ใบแจ้งหนี้ ใบสั่งซื้อ รายการสั่งซื้อ และใบรับรอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลิตภาพให้กับไร่ต่างๆ ผ่านการลดงานเอกสารและเพิ่มความรวดเร็วให้กับการทำธุรกรรม
Food Trust ยังจะตรวจสอบแหล่งกำเนิดของเมล็ดโกโก้ที่ยังอยู่ในเปลือก ก่อนที่จะให้ปุ๋ย ผ่านการขายเมล็ดแห้งล็อตใหญ่ๆ ให้แก่ Chocolate Halba โดย Food Trust จะเข้ามาแทนที่ไฟล์เอกสารที่ปัจจุบันเก็บเป็นเอกสารเอ็กซ์เซล ซึ่งเป็นข้อกำหนดจากบริษัทสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อเมล็ดโกโก้เกรด A การใช้ Food Trust จะทำให้ชาวไร่สามารถลงทะเบียนการติดตามโกโก้ทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ผลิตจะรวมข้อมูลนี้สู่ตลาด อันเป็นการช่วยให้ผู้ซื้อโกโก้ทั่วโลกรับทราบข้อมูลดังกล่าวด้วย
“เทคโนโลยี Food Trust และ Watson Decision for Agriculture ช่วยให้ทีมที่ลงพื้นที่สามารถให้คำแนะนำแก่ชาวไร่ว่าต้นโกโก้ชนิดไหนเหมาะกับคุณภาพดินแบบไหน รวมถึงประโยชน์ของการให้ปุ๋ยและทำให้เมล็ดแห้งแทนที่จะขายทั้งเปลือกหรือล้างเมล็ด ซึ่งเป็นแนวทางการขายเมล็ดโกโก้แบบดั้งเดิม” ปิซาร์โร กล่าว “การเข้าถึงข้อมูลจะช่วยให้ชาวไร่สามารถตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลมากยิ่งขึ้น”
เมื่อไม่นานมานี้ ไฮเฟอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลและ CATIE ได้จัดเวิร์คช็อปร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากไอบีเอ็มและอุตสาหกรรมโกโก้ เพื่อสำรวจแนวทางการผนวกข้อมูล macro-climate เข้ากับองค์ความรู้ด้านกลไกชีวภาพของโกโก้ เพื่อพัฒนาโมเดลการทำนายล่วงหน้า โดยผู้เชี่ยวชาญมองถึงการใช้ความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิงของ Watson ในการช่วยให้เกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จะช่วยคาดการณ์ผลผลิตและการเติบโตของโกโก้ได้