10 ส.ค. 2564 978 30

กลุ่มสามารถ สรุปผลการดำเนินงานพร้อมแจงผลงานเด่น Q2 ประจำปี 64 นี้ ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด เฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจควบคุมการจราจรทางอากาศที่กัมพูชา

กลุ่มสามารถ สรุปผลการดำเนินงานพร้อมแจงผลงานเด่น Q2 ประจำปี 64 นี้ ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด เฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจควบคุมการจราจรทางอากาศที่กัมพูชา

 กลุ่ม บริษัท สามารถ สรุปผลการดาเนินงานพร้อมชี้แจงผลงานเด่นในไตรมาส 2 ประจำปี 2564 ประกอบด้วย

 - บมจ.สามารถเทลคอมได้มีการลงนามในสัญญาโครงการต่างๆ กับลูกค้าหลายรายในไตรมาส 2 เช่น สำนักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานคร กองบัญชาการกองทัพไทย การนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น รวมถึงโครงการบำรุงรักษามิเตอร์และอุปกรณ์ประกอบในระบบ AMR กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการลงนามสัญญาโดยมีมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 1,037.79 ล้านบาท

- บมจ.สามารถดิจิตอล ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด ในการให้บริการวิทยุคมนาคมระบบดิจิตอล DigitalTrunkRadio โดยล่าสุดได้รับแจ้งจากการไฟฟ้าส่วน ภูมิภาคหรือ กฟภ.ว่ามีความประสงค์จะเช่าบริการวิทยุคมนาคมระบบดิจิตอล สาหรับใช้งานในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ รวม 9 เขต เป็ นระยะเวลา 48 เดือน ทั้งนี้ สามารถดิจิตอล จะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากค่าใช้บริการรายเดือน (Airtime) ตลอดระยะเวลา 48 เดือน และจะมีรายได้จากการจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องลูกข่ายอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีความคืบหน้าใน การขยายฐานผู้ใช้บริการ DTRS ภาครัฐซึ่งอยู่ระหว่างรอผลการประมูล มูลค่าประมาณ3-4 พันล้านบาท

วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร บมจ. สามารถคอร์ป กล่าวว่า “ในช่วงไตรมาสสองที่ผ่านมาบริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อธุรกิจควบคุมการจราจรทางอากาศที่ประเทศกัมพูชา ภายใต้บริษัท CATS ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำให้แก่กลุ่มสามารถอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 63 พบว่า กลุ่มสามารถมีรายได้รวม 1,936 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.61 เปอร์เซนต์ และมีผลขาดทุนสุทธิ 113 ล้านบาท ลดลงกว่า 43 เปอร์เซนต์ จากช่วงเดียวกันปีก่อน ผลประกอบการดังกล่าวสะท้อนว่าแม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิดระลอกสามที่ทวีความรุนแรง มาตั้งแต่ช่วงต้น ไตรมาสสอง บริษัทยังคงสามารถสร้างรายได้เพิ่มและบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และเมื่อพิจารณาโอกาสในการประมูลงานและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอนาคตแล้ว คาดว่าผล ประกอบการรวมของกลุ่มสามารถจะขยับไปในทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการใหม่เพิ่มเติม อาทิ โครงการ Direct Coding (โครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้าประเภทสุราแช่ชนิดเบียร์ ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทย) ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ติดตั้งระบบรหัสควบคุมบนบรรจุภัณฑ์ในโรงงานผลิตเครื่องดื่มไปแล้วกว่า 90 เปอร์เซนต์ และจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 นี้ 

สำหรับสายธุรกิจ ICT ภายใต้ บมจ. สามารถเทลคอม มีรายได้เฉพาะไตรมาส 2 รวม 1,608 ล้านบาท โดย เพิ่มขึ้น 515 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปี ก่อนหน้า หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 47 และมีกำไรสุทธิ 30.8 ล้านบาท พลิกฟื้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา รวมครึ่งปีแรกมีการลงนามสัญญาไปแลว้ กว่า 1,900 ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 2 มีมูลค่างานในมือ (Backlog) รวมกว่า 5,600 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่าง การประมูลงานหลายโครงการ มูลค่ารวมมากกว่า 5 พันล้านบาท เช่น โครงการกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง การไฟฟ้านครหลวง การนิคมอุตสาหกรรม กรุงเทพมหานคร เป็นต้น และจะมีการต่อยอดโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับมิเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ภายในปีนี้อีกประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในสิ้นปี 2564 จะมี Backlog ไม่ต่ากว่า 9,000 ล้านบาท

ด้านธุรกิจ Digital Services ซึ่งจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของบมจ. สามารถดิจิตอล ก็มีความคืบหน้าในการขยายฐานผู้ใช้การระบบโทรคมนาคม Digital Trunk Radio อย่างชัดเจน โดยนอกจากการไฟฟ้าส่วน ภูมิภาคจะเป็นผู้ใช้บริการนำร่องแล้วยังมีอีกหลายองค์กรที่ให้ความสนใจในการใช้ระบบการสื่อสาร Digital Trunk Radio เพื่อเสริมประสิทธิภาพการสื่อสารเฉพาะกิจ ยิ่งไปกว่านั้น สามารถดิจิตอลยังเตรียมยกเครื่อง บริการ Horoworld ให้สามารถตอบสนองและเข้าถึงผู้ใช้บริการในยุคดิจิตอลมากขึ้นเพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเปิดตัว Mobile Application ใหม่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อเสริมสร้างรายได้ประจำให้แก่บริษัทในอนาคต

วัฒน์ชัย กล่าวปิดท้ายว่า  “เนื่องจากกลุ่มสามารถมีพอร์ตธุรกิจที่หลากหลายและมีการกระจายความเสี่ยง ในการลงทุน จึงสามารถประคบั ประคองธุรกิจในภาวะวิกฤตที่กำลังเผชิญโดยบริษัท มีความมั่นใจว่า เมื่อเราสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ผลการดำเนินงานของกลุ่มสามารถจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับการเดินทาง ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ สิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญ คือ การแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อเวลามาถึง”