สถานการณ์การแพร่ระบาดของ
COVID-19 ยังคงมีความน่าเป็นห่วง
ด้วยยอดตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทำให้ภาคสาธารณสุขไทยมีข้อจำกัดมากมายในการรับมือในช่วงเวลานี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริการผู้ป่วยกับจำนวนเตียงที่หลายโรงพยาบาลจัดหาไว้ไม่สามารถรองรับได้
ล่าสุด AIS จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนงบประมาณสร้าง “หอผู้ป่วยกึ่งวิกฤต”
(Field Cohort Ward) ให้กับ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
สภากาชาดไทย รองรับผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ที่ยังรอเตียงเพื่อเข้ารับการรักษา
สมชัย เลิศสุทธิวงค์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS อธิบายว่า “เรายังคงเดินหน้าภารกิจสู้ภัย
COVID-19 ภายใต้แนวคิด เชื่อมต่อ ช่วยเหลือ เพื่อคนไทย อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นทำให้ภาคสาธารณสุขรวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ต้องรับมืออย่างหนักในการรับผู้ป่วยเข้ารักษา
ซึ่งจะเห็นได้ว่าปริมาณผู้ป่วยมีมากกว่าจำนวนเตียงที่แต่ละโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้
เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับภาคสาธารณสุขและผู้ป่วย เราจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนงบประมาณเป็นเงิน
6.5 ล้านบาท ในการสร้าง หอผู้ป่วยกึ่งวิกฤตแบบเร่งด่วนให้กับ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
เพื่อขยายพื้นที่รองรับการรักษา ช่วยลดเวลาการรอเตียง และความแออัดในห้องฉุกเฉิน
เสริมศักยภาพการดำเนินงานของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ในการรับมือสู้กับ COVID-19 ได้เต็มกำลังความสามารถ”
สำหรับโครงการก่อสร้างหอผู้ป่วยกึ่งวิกฤต (Field Cohort
Ward) ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ได้ใช้บริเวณลานจอดรถหน้าอาคารแพทยพัฒน์
จัดสร้างอาคารโครงสร้างชั่วคราวเพื่อรองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง
ที่มีอาการขั้นกลางไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จนถึงผู้ป่วยขั้นวิกฤต
ซึ่งที่ผ่านมา AIS ได้สนับสนุนการทำงานของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
รวมถึง โรงพยาบาลสนามมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ และภาคสาธารณสุขไทยมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งในเรื่องของการสนับสนุนเครือข่ายสัญญาณ เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร
รวมถึงบริการดิจิทัลที่ช่วยให้การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สมชัย กล่าวในตอนท้ายว่า
“ผลกระทบของ COVID-19 ส่งผลต่อการดำเนินงานของภาคธุรกิจต่างๆ และส่งผลต่อวิถีชีวิตของผู้บริโภคทุกกลุ่ม
AIS ยังคงยืนยันที่จะเชื่อมต่อ ช่วยเหลือ
เพื่อคนไทยในทุกมิติ ทั้งศักยภาพขององค์กร บุคลากร
ที่มีความพร้อมในการสนับสนุนการรับมือกับวิกฤตครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเอาศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ายกระดับการทำงานของภาคสาธารณสุขไทย
เราเชื่อว่าการสอดประสานการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนจะทำให้ประเทศก้าวข้ามผ่านความท้าทายในวิกฤตครั้งนี้ไปได้”