4 ก.ย. 2564 772 0

เอ็นทีทีเดินหน้าขยายพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ 20% ครองตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยศักยภาพที่เหนือกว่า สอดรับยอดธุรกิจออนไลน์พุ่ง

เอ็นทีทีเดินหน้าขยายพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ 20% ครองตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยศักยภาพที่เหนือกว่า สอดรับยอดธุรกิจออนไลน์พุ่ง

เอ็นทีที โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ (NTT Ltd.’s Global Data Centers division) ผู้นำใน IDC MarketScape ปี 2021 ด้านการให้บริการ Worldwide Datacenter Colocation and Interconnection Services1 โดยให้บริการด้านไอซีทีอย่างเต็มรูปแบบ และยังคงขยายพื้นที่ศูนย์ข้อมูล หรือดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง 20% เพื่อสร้างอนาคตแห่งการเชื่อมต่อซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าองค์กร และ Hyperscaler ทั่วโลก

เอ็นทีที ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วทั้งยุโรป อเมริกาเหนือ แอฟริกา และเอเชีย รวมถึงสาขาหลักในอินเดีย โดยดำเนินการเชื่อมต่อไปทั่วโลกด้วยเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ข้ามภูมิภาคผ่านเมืองสำคัญๆ เช่น ลอนดอน สิงคโปร์ โตเกียว และเวอร์จิเนียในอเมริกาเหนือ ซึ่งการขยายบริการของดาต้าเซ็นเตอร์ทำให้ความมี capacity ของศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นและให้การเชื่อมต่อเครือข่ายทั่วทุกภูมิภาค รวมถึงกลุ่มประเทศต่างๆ ดังนี้:

อเมริกา :

ในปี 2020 และ 2021 ได้มีการเปิดแคมปัสของดาต้าเซ็นเตอร์ขึ้นใหม่ 3 แห่ง ในเมืองฮิลส์โบโร รัฐโอเรกอน, ซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย และชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ นอกเหนือจากการขยายในแอชเบิร์น รัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งแคมปัสที่ฮิลส์โบโร มีพื้นที่ขนาด 47 เอเคอร์ (ประมาณ 190,000 ตารางเมตร) โดยมีดาต้าเซ็นเตอร์ 5 แห่ง ที่เอ็นทีทีได้วางแผนสมรรถนะการโหลดพลังงานไอที (IT load capacity) ได้ถึง 126 เมกะวัตต์ และ Subsea Connect พร้อมให้บริการเชื่อมต่อเครือข่ายข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกที่ให้การเชื่อมต่อระหว่างฮิลส์โบโร รัฐโอเรกอน และโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ระบบเคเบิลใต้ทะเล Pacific Crossing (PC-1) ของเอ็นทีที สำหรับแคมปัสที่ฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนาซึ่งจะเปิดให้บริการในต้นปี 2022 และเป็นศูนย์ข้อมูลแห่งที่ 7 ของสหรัฐอเมริกา โดย NTT Phoenix PH1 จะเพิ่มโหลดพลังงานไอทีเป็น 36 เมกะวัตต์ และเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในเจ็ดแห่งที่วางแผนการโหลดพลังงานไอทีไว้ถึง 240 เมกะวัตต์

ยุโร ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA):

ในปีที่ผ่านมาเอ็นทีทีได้เปิดอาคารดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ รวมถึงเมืองมิวนิก และแฟรงก์เฟิร์ตในเยอรมนี โดยยังคงรักษาตำแหน่งผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์อันดับหนึ่งในตลาดเยอรมนีต่อไป สำหรับในสหราชอาณาจักร ดาต้าเซ็นเตอร์จะเป็นเรือธงแห่งใหม่ใน London 1 โดยจะเปิดในเดือนธันวาคมนี้ และเมื่อดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบแล้วจะเพิ่มศักยภาพของเอ็นทีทีได้มากกว่า 200% เพื่อรองรับโครงสร้างหลักทางดิจิทัลของอุตสาหกรรมการให้บริการทางการเงิน, มีเดีย และเกม ในสหราชอาณาจักร นอกจากนี้เอ็นทีทียังได้ลงทุนเกี่ยวกับการวางท่อและไฟเบอร์เพื่อเชื่อมต่อไปยังดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งหมดในกรุงลอนดอนอีกด้วย

และในอีกสองปีข้างหน้าเอ็นทีทีจะเพิ่มสมรรถนะการโหลดพลังงานด้านไอทีให้พร้อมใช้งานในกลุ่มประเทศ EMEA มากกว่า 40% เนื่องจากได้สร้างอาคารดาต้าเซ็นเตอร์ขึ้นมาใหม่ถึง 13 แห่ง ครอบคลุมทั้งหมด 9 แห่งใน 6 ประเทศ เพื่อเพิ่มโหลดพลังงานไอทีเป็น 115 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ 50,000 ตารางเมตร โดยเอ็นทีทีจะเปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในกรุงมาดริดและโจฮันเนสเบิร์ก รวมทั้งจะเพิ่มอาคารไปยังกรุงเวียนนา, ซูริก, ลอนดอน และทั่วเยอรมนี เพื่อขยายการเชื่อมต่อระหว่างดาต้าเซ็นเตอร์ด้วยกัน

เอเชียแปซิฟิก (ARAC):

Jakarta 3 ในอินโดนีเซียจะเปิดตัวโหลดพลังงานไอทีที่ 15 เมกะวัตต์ ที่เมืองเบกาซิ ห่างจากใจกลางจาการ์ตาประมาณ 30 กิโลเมตร ภายในสิ้นปีนี้ โดยการใช้จุดแข็งของเอ็นทีทีในฐานะผู้ให้บริการเครือข่าย ลูกค้าจะสามารถเชื่อมต่อกับ IXs และ ISPs ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ Cyberjaya 5 ในมาเลเซียเริ่มให้บริการ 6.8 เมกะวัตต์ และวางแผนที่จะขยายเพิ่มอีก 6.8 เมกะวัตต์ ไปยังแคมปัส Cyberjaya ในญี่ปุ่น ซึ่งมีการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ในโตเกียวที่ให้โหลดพลังงานไอทีอยู่ที่ 21 เมกะวัตต์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าของเรา โดยเอ็นทีทีกำลังพิจารณาขยายสาขาเพิ่มเติมในกรุงเทพฯ (ประเทศไทย) เขตมหานครโอซาก้า (ญี่ปุ่น) และเวียดนามตอนใต้

อินเดีย:

สำหรับ Mumbai 8 กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ที่แคมปัสใน Chandivali ซึ่งเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ระดับ Hyperscale ซึ่งจะดำเนินการได้เป็นแห่งแรกของอินเดีย โดยให้โหลดพลังงานไอทีได้ถึง 85 เมกะวัตต์ และในอีก 18 เดือนข้างหน้านี้จะเปิดตัวการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับ Hyperscale แห่งใหม่อีก 4 แห่งเช่นกัน โดยจะเปิดให้บริการ 2 แห่งใน เมืองนาวีมุมไบ และที่เมืองเจนไน กับเดลี อีกเมืองละแห่ง โดยเพิ่มโหลดพลังงานไอทีประมาณ 133 เมกะวัตต์ บนพื้นที่ 50,000 ตารางเมตร โดยการเชื่อมต่อโครงข่ายสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ทั้ง 10 แห่งทั่วอินเดีย ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2021 และมีการวางแผนสร้างสถานีเคเบิลใต้น้ำในมุมไบและเจนไน ซึ่งการขยายการเติบโตครั้งนี้จะทำให้ตำแหน่งของเอ็นทีทีขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในตลาดอินเดียให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

นอกเหนือจากการขยายพื้นที่ Global Data Center ของเอ็นทีทีแล้วนั้น ปัจจุบันเอ็นทีทีกำลังสร้างสายเคเบิลใต้น้ำที่ความจุพลังงานความเร็วสูง "MIST" ที่เชื่อมต่อไปยังสิงคโปร์, เมียนมาร์, มาเลเซีย และอินเดีย (ในมุมไบ และเชนไน) ระบบเคเบิล MIST จะมีความยาวรวม 11,000 กม. ซึ่งมากกว่าระยะทางการบินจากนิวยอร์ก ข้ามสหรัฐอเมริกาผ่านมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ซึ่งการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในกลางปี 2023

การผสมผสานโครงสร้างพื้นฐานของการเพิ่มโหลดพลังงานไอทีบนดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลกอย่างมีนัยยะสำคัญ ประกอบกับสถานะของเอ็นทีทีในฐานะผู้ให้บริการเครือข่ายระดับโลกอันดับหนึ่ง โดยจะเข้ามาช่วยสนับสนุนให้องค์กรธุรกิจต่างๆ มีแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยพร้อมตอบโจทย์ความต้องการบริการด้าน ICT อย่างเต็มรูปแบบที่เพิ่มมากขึ้น


สำหรับ Global Data Center Interconnect (GDCI) เป็นบริการโครงสร้างเครือข่ายแบบบูรณาการอย่างเต็มรูปแบบทั่วโลกที่ให้บริการเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ข้ามภูมิภาคและการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยแบบส่วนตัวไปยังผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ด้วยรูปแบบ single physical port ที่รองรับบริการเครือข่าย multiple virtual network พร้อมเพิ่มความสามารถดังกล่าวในการจัดหาโครงสร้างหลักทางดิจิทัล (digital backbone) ที่มีความเร็วสูงเพื่อเชื่อมต่อถึงกันในตลาดทั่วโลก และขยายการวางระบบเคเบิลใต้น้ำในจุดต่างๆ เพิ่มมากขึ้นจะช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างดาต้าเซ็นเตอร์ข้ามไปยังแต่ละภูมิภาคได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

มาซาอากิ โมริบายาชิ ประธานและกรรมการ บริษัท เอ็นทีที จำกัด กล่าวว่า การระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของเราไปอย่างมาก คุณภาพชีวิตของประชาชน ณ ตอนนี้ ขึ้นอยู่กับโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว โดยในอีก 18 เดือนข้างหน้านี้เอ็นทีทีได้วางแผนที่จะเพิ่มการดำเนินงานของดาต้าเซ็นเตอร์อีก 20% บนพื้นที่รวมกว่า 600,000 ตารางเมตร หรือประมาณ 6.5 ล้านตารางฟุต ในกว่า 20 ประเทศและภูมิภาค นอกจากนี้เอ็นทีทีจะขยายจุดเชื่อมต่อบริการ GDCI อีกประมาณ 30 จุดทั่วโลกในดาต้าเซ็นเตอร์ของเรา เพื่อปรับสภาพแวดล้อมบนระบบไฮบริดคลาวด์ขององค์กรให้เหมาะสมผ่านดาต้าเซ็นเตอร์และบริการเครือข่ายของเอ็นทีที

“เอ็นทีทีได้เริ่มก่อสร้างศูนย์ดังกล่าวเพื่อเพิ่มโหลดพลังงานไอที 300 เมกะวัตต์ ลงในผลงานการให้บริการด้วยการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ให้เสร็จสมบูรณ์ พร้อมด้วยการขยายแคมปัสและเครือข่ายที่มี capacity สูง เช่น  เคเบิลใต้น้ำ MIST ซึ่งเรากำลังสร้างอนาคตที่เชื่อมต่อถึงกันซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าของเอ็นทีทีทั่วโลก” มาซาอากิ กล่าวสรุป

สามารถติดต่อเราและเยี่ยมชมข้อมูลของ NTT’s Global Data Center พร้อมบริการอื่นๆของเอ็นทีทีได้ที่ https://datacenter.hello.global.ntt 

1IDC MarketScape: Worldwide Datacenter Colocation and Interconnection Services 2021