realme ขึ้นแท่นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 6 ของโลกเป็นครั้งแรก ตามการจัดอันดับของ Counterpoint สร้างปรากฎการณ์โตแบบก้าวกระโดด ขยับเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้
realme แบรนด์สมาร์ตโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 6 ของโลก ตามข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 ถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 จาก Counterpoint ซึ่งแสดงให้เห็นว่า realme สามารถก้าวขึ้นสู่อันดับ 6 ในช่วงเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น นับเป็นความสำเร็จที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของแบรนด์สมาร์ตโฟนในระดับโลก โดยจุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงเป็นผู้ผลิตสมาร์ตโฟนรายเล็กที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเซินเจิ้น กระทั่งสามารถเติบโตขึ้นเป็น "ผู้ท้าชิงยักษ์ใหญ่" และเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำของโลกได้สำเร็จ
ท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด และขึ้นชื่อว่ามีอุปสรรคเข้ามามากมาย ผนวกกับมาตรฐานความพึงพอใจของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น Sky Li ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ได้ก่อตั้ง realme ขึ้นมา โดยมุ่งเน้นไปที่การแชร์ประสบการณ์การใช้งานสมาร์ตโฟนที่มีประสิทธิภาพให้กับคนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งสามารถเดินหน้าไปสู่อนาคตอันน่าทึ่งด้วยกันได้ โดยหลังจากจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่ไม่เคยมีใครเอ่ยถึงมาก่อน realme สามารถก้าวเข้าไปอยู่ในอุตสาหกรรมชั้นนำและกลุ่มผู้ใช้งานมากมาย โดยขยายไปยังตลาดกว่า 61 แห่งทั่วโลก และติด 5 อันดับแรกในตลาดกว่า 18 แห่ง โดยครองแชมป์อันดับ 1 ในฟิลิปปินส์และบังคลาเทศ อันดับ 4 ในอินเดียและรัสเซีย และอันดับ 5 ในภูมิภาคยุโรปในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 และล่าสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา realme กลายเป็นแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกด้วยการส่งมอบสมาร์ตโฟนจำนวน 100 ล้านเครื่องได้สำเร็จ ตามข้อมูลจาก Strategy Analytics
ความสำเร็จครั้งสำคัญนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน ในฐานะที่เป็นแบรนด์น้องใหม่ realme ได้มีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจมากมายในการเผชิญหน้ากับความเสี่ยงต่างๆ เช่น การรับฟังความต้องการของผู้บริโภค และการติดตั้งเทคโนโลยีคุณภาพสูงในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามและใช้งานได้ง่าย โดยกลยุทธ์เหล่านี้ได้นำพาให้กลุ่มผู้ใช้งานคนรุ่นใหม่กลายมาเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์ realme ได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจุบัน realme ได้เปลี่ยนจากแบรนด์เล็กๆ กลายมาเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในระดับโลกได้ และยังคงเดินหน้าเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดหลักด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย เอเชียกลาง และแอฟริกา ตะวันออกกลาง และยังมีการเติบโตที่แข็งแกร่งในตลาดละตินอเมริกาและยุโรป ซึ่งเป็นประเทศที่ได้ดำเนินธุรกิจอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้สามารถเติบโตในตลาดเหล่านี้ได้ต่อไป
นอกจากนี้ realme ยังได้ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ 5G โดย realme มีส่วนแบ่งการตลาดในการจัดส่งสมาร์ทโฟน 5G เพิ่มขึ้นจาก 8.8% ในไตรมาสที่ 1 พุ่งสูงขึ้นเป็น 15.9% ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 3 ตามข้อมูลของ Counterpoint ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 นี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม นอกจากกลยุทธ์ 5G แล้ว realme ยังได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์จากสมาร์ตโฟนไปสู่การเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์อีกด้วย โดยมีทั้งสมาร์ตโฟนและผลิตภัณฑ์ AIoT ต่างๆ ภายใต้กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ คือ "1+5+T" โดยจากรายงานของ Canalys ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ พบว่า realme Thailand ติดอันดับ 3 ในประเภท Basic watch และประเภท TWS โดยมีการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 1091% และ 188% ตามลำดับ
Sky Li ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ realme กล่าวว่า เป้าหมายต่อไปของ realme คือการประสบความสำเร็จในการส่งมอบสมาร์ตโฟนจำนวน 100 ล้านเครื่อง ภายในปี 2565 และอีกเท่าตัว หรือ จำนวน 100 ล้านเครื่อง ภายในปี 2566
สำหรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์นั้น realme วางแผนในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ และนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มสมาร์ตโฟนเรือธง หรือ realme GT series ที่ได้กลายมาเป็นสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียมที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย รองรับตลาดกลุ่มผู้บริโภคในระดับไฮเอนด์ได้ โดยล่าสุด ในประเทศได้เปิดตัว realme GT Master Edition Series สุดยอดสมาร์ตโฟนเรือธงที่ออกแบบดีที่สุดแห่งปี ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระเป๋าเดินทาง โดยมาพร้อมกับขุมพลัง Snapdragon 778G 5G พร้อมด้วย RAM สูงสุด 8GB จอแสดงผล Super AMOLED 120Hz อัตรารีเฟรชเรท 120Hz มีความละเอียดกล้องสูงถึง 64MP และยังมีโหมดถ่ายภาพแนวสตรีทเป็นครั้งแรกอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งรุ่นยอดนิยม realme GT Master เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของ realme ที่มาพร้อมชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888 จอแสดงผล Super AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว อัตราการรีเฟรชสูง 120Hz เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่ได้รับสมญานามว่าเป็น Flagship killer ของปีนี้ด้วย และสามารถครองใจในกลุ่มผู้ใช้งานคนรุ่นใหม่มาอย่างต่อเนื่อง