ในปัจจุบันโดยเฉลี่ยขององค์กรทั่วไปมีการใช้งานแอปพลิเคชันประมาณ 500 แอปพลิเคชันเพื่อดำเนินธุรกิจ1 และแอปพลิเคชันเหล่านั้นกระจายอยู่ทั่วไปบนคลาวด์ โดยลูกค้าของวีเอ็มแวร์ 75% ใช้งานคลาวด์สาธารณะตั้งแต่สองระบบขึ้นไป และ 40% ใช้คลาวด์สาธารณะมากกว่าสามระบบขึ้นไป2 การใช้งานบนระบบ Multi-Cloud เช่นนี้จะช่วยเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน และช่วยให้องค์กรมีความคล่องตัวและมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดีการทำงานในสภาพแวดล้อมแบบ Multi-Cloud ทำให้เกิดการทำงานที่มีความหลากหลายซับซ้อน และยังมีการกระจายตัวของการทำงานมากกว่าที่องค์กรเคยจัดการในอดีต ซึ่งการจัดการที่ซับซ้อนเหล่านี้ทำให้เกิดผลกระทบเกี่ยวกับความเร็วและการจัดการความเสี่ยง ส่งผลให้การทำงานช้าลงในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพิ่มสูงขึ้น กลยุทธ์ของ VMware ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถก้าวข้ามปัญหาและความท้าทายที่ยากลำบากนี้ โดยการผสมผสานการควบคุมการทำงานที่มีอิสรภาพในการจัดการ Multi-Cloud ที่ใช้งานอยู่ในธุรกิจของพวกเขา

Raghu Raghuram ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ VMware กล่าวว่า “Multi-Cloud จะเป็นโมเดลของการดำเนินธุรกิจในอีก 20 ปีข้างหน้า เนื่องจากอุตสาหกรรมทั้งหมดจะมีการปรับตัวไปในแนวทางใหม่ และมันไม่ใช่เรื่องของการเข้าถึง ‘Cloud - First’ อีกต่อไป แต่มันเป็นเรื่องของ ‘Cloud - Smart’ องค์กรควรจะมีอิสระในการเลือกระบบคลาวด์ที่ “เหมาะสม” สอดคล้องตามเป้าหมายทางกลยุทธ์ทางธุรกิจ ด้วยความเชื่อมั่นในการทำงานบนคลาวด์ของเรา ทำให้เราอยู่ในจุดที่มีความพร้อมในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าและนำพาพวกเขาไปยังโอกาสทางธุรกิจที่เขาต้องการ เราจะช่วยผลักดันให้องค์กรสามารถเร่งสร้างนวัตกรรม และบริหารจัดการอนาคตของตัวเองได้ในยุคของ Multi-Cloud”

Richard Villars รองประธานกลุ่ม IDC กล่าวว่า "ในปีที่ผ่านมา องค์กรต่าง ๆ ได้มีการปรับตัวและเปลี่ยนการทำงานเป็นแบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ เหตุจากการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้น เป็นผลให้มีการเร่งสร้างนวัตกรรมขึ้น องค์กรต่าง ๆ ต่างพึ่งพาเทคโนโลยีคลาวด์เป็นอย่างมากเพื่อพัฒนาและขยายองค์กร เมื่อต้องปรับตัวเข้าสู่การแข่งขันในธุรกิจยุคดิจิทัล โดยกลยุทธ์ Multi-Cloud ของ VMware ได้ให้ความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือองค์กรให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ จากการทำงานบน Multi-Cloud พร้อมทั้งใช้ทรัพยากรในดาต้าเซ็นเตอร์ของตนเองได้อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือในการใช้งานเทคโนโลยี เพื่อมอบประสบการณ์และผลลัพธ์ทางธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น”

เพื่อช่วยลูกค้าให้ก้าวเข้าสู่ยุค Multi-Cloud บริการ VMware Cross-Cloud พร้อมส่งมอบข้อได้เปรียบหลัก สามประการ คือ การเข้าถึงระบบคลาวด์ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยต้นทุนที่เหมาะสม พร้อมด้วยการควบคุมการทำงานที่มีความยืดหยุ่นระหว่างคลาวด์ต่าง ๆ บริการ VMware Cross-Cloud ได้ขยายความสามารถในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ VMware สำหรับ Multi-Cloud ที่จะทำให้ลูกค้าสามารถเลือกและจัดสรรบริการที่ต้องการบนคลาวด์ให้เหมาะสมกับความต้องการในเชิงธุรกิจ บริการ VMware Cross-Cloud ได้นำเสนอนวัตกรรมผ่านองค์ประกอบหลักห้าส่วนคือ:

• แพลตฟอร์มล้ำสมัยสำหรับการพัฒนาและใช้งานแอปพลิเคชันบนคลาวด์

• ระบบโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์สำหรับปฏิบัติการและใช้งานแอปพลิเคชันระดับองค์กร

• ระบบการจัดการคลาวด์สำหรับตรวจสอบพร้อมทั้งจัดสรรค์ประสิทธิภาพและต้นทุนของแอปพลิเคชันระหว่างคลาวด์ต่าง ๆ

• ระบบรักษาความปลอดภัยและเครือข่ายที่ครอบคลุมการทำงานของ Multi-Cloud ทั้งหมดเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อและรักษาความปลอดภัยสำหรับแอปพลิเคชันทั้งหมดได้

• พื้นที่การทำงานแบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มศักยภาพการทำงานให้กับพนักงานให้สามารถปฎิบัติงานได้จากที่ต่าง ๆ พร้อมกับ Edge solutions เพื่อให้สามารถปรับใช้และบริหารจัดการ Edge-native แอปพลิเคชันได้

ที่งาน VMworld 2021, VMware ยังได้ประกาศนวัตกรรมอีกมากมาย ที่ครอบคลุมการให้บริการ VMware Cross-Cloud ได้แก่:

• โครงสร้างพื้นฐานและการจัดการคลาวด์: พร้อมเปิดตัวนวัตกรรม Multi-Cloud รูปแบบใหม่ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถย้ายการทำงานไปยังคลาวด์ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ช่วยเพิ่มความเร็วในการพัฒนาปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ทันสมัย ให้เหมาะสมกับรูปแบบการทำงานบนคลาวด์

• แอปพลิเคชัน: ขอนำเสนอ VMware Tanzu portfolio ที่พร้อมให้นักพัฒนาสามารถทำงานและใช้งานแอปพลิเคชันบนคลาวด์ต่าง ๆ ได้อย่างมีอิสระ

• Edge: ขอแนะนำ VMware Edge กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยให้พวกนักพัฒนาสามารถเรียกใช้และจัดการ Edge-native แอปพลิเคชัน ผ่าน Multi-Cloud ได้จากทุกที่

• ความปลอดภัยและเครือข่าย: การประกาศเปิดตัว นวัตกรรมการรักษาความปลอดภัยรูปแบบใหม่ พร้อมส่งมอบสถาปัตยกรรมที่มีความน่าเชื่อถือ zero-trust แบบ end-to-end ทั้งภายในคลาวด์และระหว่างคลาวด์อื่น ๆ ให้เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมในการทำงานของแอปพลิเคชัน

Salvatore Cassara, CIO, SGB-SMIT Group , ผู้นำด้านผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดกลางสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ในยุโรป, กล่าวว่า “สภาพแวดล้อมในการทำงานแบบ Multi-Cloud เป็นพื้นฐานการทำงานเสมือนจริงของเรา เราขอแนะนำ cloud-based apps, ที่กำลังเข้ามาแทนที่รูปแบบการทำงานเดิม ๆ ด้วยเหตุนี้ เราต้องการความยืดหยุ่นที่สามารถรองรับการขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว และเคลื่อนย้ายปริมาณงานที่จะเกิดขึ้น ระหว่างผู้ให้บริการคลาวด์โดยปราศจากข้อจำกัด VMware ได้นำองค์ประกอบต่าง ๆ ของคลาวด์ที่แตกต่างรวมเข้าด้วยกัน ช่วยให้เราสามารถคิดค้นวิธีการทำงานร่วมกันได้อย่างแท้จริง และท้ายที่สุดก็ทำให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมทั่วทั้งบริษัท”

Sada Iyer, หัวหน้าฝ่ายโครงสร้างพื้นฐาน, Western Union, ผู้นำระดับโลกของธุรกิจด้านการรับชำระเงินข้ามพรมแดน กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา เรามุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อลูกค้าอย่างแท้จริง พร้อมทั้งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ถึงแม้จะมีช่วงเวลาติดขัดอยู่บ้าง เช่นเดียวกับองค์กรทางการเงินอื่น ๆ ส่วนหนึ่งในการปรับปรุงเทคโนโลยีครั้งใหญ่ของเราคือการเปลี่ยนไปใช้งานบนคลาวด์ ด้วย VMware เรามีโมเดล Multi-Cloud ที่มีความยืดหยุ่นซึ่งมีความจำเป็นในยุคดิจิทัล ในขณะที่เราต้องเร่งสร้างนวัตกรรมบนแพลตฟอร์มของเราทั่วโลก”

VMware ได้ประกาศ โปรแกรมนวัตกรรมสำหรับพันธมิตรใหม่หลายรายการ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ customer first รวมถึง VMware Cloud Universal ที่เปิดใช้งานสำหรับพันธมิตรคู่ค้ารายย่อย และ VMware Success 360 ที่มาพร้อมกับ master services competencies (MSC) ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรก ที่พร้อมนำเสนอบริการ ที่จะนำลูกค้าของเราไปสู่เส้นทางของความสำเร็จด้วย VMware solutions ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ออกแบบ VMware Customer Lifecycle Incentives รูปแบบใหม่ เพื่อช่วยเพิ่มความเร็วในการพัฒนาและการใช้งานบนคลาวด์อีกด้วย

ติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับวิธีที่ VMware นำเสนอประสบการณ์คลาวด์ที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นสำหรับธุรกิจดิจิทัลได้ที่ ศูนย์ข้อมูลข่าวสารสำหรับงาน VMworld 2021