บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ชูบทบาทเพื่อนแท้คนไทย เดินหน้าเต็มศักยภาพด้านการสื่อสารและขนส่ง พร้อมดูแลสร้างความต่อเนื่องให้กับภาคเศรษฐกิจ และภาคเกษตรกรรม ให้เดินหน้าต่อไปได้ไม่สะดุดในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะจากภัยธรรมชาติ โรคระบาด COVID-19 หรือสถานการณ์ทางสังคม ที่อาจมีการหยุด/งดให้บริการขนส่ง ด้วยมาตรการต่างๆ เช่น การเปิดช่องทางให้ผู้ประกอบการ เกษตรกร สามารถนำสินค้า รวมทั้งผลไม้ตามฤดูกาลมาจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์และและที่ทำการไปรษณีย์ในราคาพิเศษ การลดต้นทุนค่าขนส่งเพื่อผู้ใช้บริการ ผู้ประกอบการ และเกษตรกร การใช้ระบบควบคุมอุณหภูมิเพื่อควบคุมความสดใหม่ของสินค้า พร้อมด้วยการขยายบริการ Pick Up Service เพื่อเข้ารับสินค้าที่ต้องการฝากส่ง โดยที่ไม่ต้องเดินทางมาส่งสิ่งของด้วยตนเอง
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศให้กิจกรรมต่างๆ ทางเศรษฐกิจและสังคมสามารถกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ส่งผลให้หลายๆ ภาคส่วน โดยเฉพาะในภาคเศรษฐกิจ และภาคเกษตรกรรรมเริ่มกลับมามีความคึกคักและมีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทยได้เล็งเห็นความสำคัญในการช่วยสร้างรายได้ และสร้างความต่อเนื่องในการค้าขายให้กับผู้ประกอบการ เกษตรกร รวมทั้งผู้ใช้บริการทั่วประเทศ ล่าสุดจึงได้เตรียมความพร้อมในการใช้ความแข็งแกร่งทั้งการสื่อสาร ระบบการขนส่ง รวมถึงเครือข่ายที่เข้าถึงทุกพื้นที่ อำนวยความสะดวกและสนับสนุนผู้ประกอบการ เกษตรกร และผู้ใช้บริการ ให้ขนส่งสิ่งของตรงไปสู่ผู้บริโภค และผู้รับปลายทางด้วยความต่อเนื่อง โดยมีแนวทางที่สำคัญ ดังนี้
·
เปิดช่องทางการจำหน่ายสินค้า และผลไม้ตามฤดูกาล
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคมนี้กำลังเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งผลไม้ในฤดูดังกล่าวจะเป็นที่ต้องการในกลุ่มผู้บริโภค
โดยเกษตรกร รวมทั้งผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน สามารถนำสินค้ามาจำหน่ายผ่านเว็บไซต์
thailandpostmart.com
และที่ทำการไปรษณีย์ในราคาพิเศษ
รวมถึงคิดราคาค่าขนส่งผลผลิตทางการเกษตรในราคาพิเศษ เริ่มต้น 3 กิโลกรัม เพียง 50 บาท และสำหรับผู้ใช้บริการ
ไปรษณีย์ไทยได้มีนโยบายในการปรับลดอัตราค่าบริการ EMS ในพิกัดน้ำหนักตั้งแต่เกิน 2,000 กรัมขึ้นไป
เพื่อช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งให้กับคนไทยทุกกลุ่ม
·
ช่วยกระจายสินค้าจากผู้ส่งถึงผู้รับด้วยมาตรฐานส่งเช้าได้บ่าย
ส่งบ่ายได้วันรุ่งขึ้น ทำให้ผู้รับปลายทางได้รับสิ่งของในเวลาที่รวดเร็ว
และปลอดภัยทุกขั้นตอน นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังได้เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งด้วยการใช้รถขนส่งควบคุมอุณหภูมิภายใต้บริการใหม่
Fuze Post : ฟิวซ์โพสต์ ซึ่งจะช่วยรองรับการสั่งซื้อสินค้าได้หลากหลายประเภท เช่น
อาหารทะเล ผัก ผลไม้ อาหารแช่แข็งที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ และทำให้สินค้าเหล่านี้ไปถึงผู้บริโภคทุกปลายทางด้วยความสดใหม่
·
การเข้ารับสินค้าถึงที่ด้วยบริการ Pick
Up Service ผ่าน LINE@Thailandpost
เพื่อให้ผู้ประกอบการ เกษตรกร ผู้ใช้บริการได้สัมผัสความสะดวกสบายและมีทางเลือกในการส่งของอย่างปลอดภัย ด้วยขั้นตอนการใช้บริการที่ไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องเดินทางมาส่งสิ่งของด้วยตนเอง
โดยขณะนี้บริการดังกล่าวครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และถือเป็นบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในยุค New Normal อย่างแท้จริง
· การเดินหน้าให้บริการในช่วงวันหยุดและเทศกาลสำคัญ เพื่อให้คนไทยสามารถฝากส่งสิ่งของ และจัดเตรียมเจ้าหน้าที่นำจ่ายสินค้าให้เพียงพอต่อปริมาณความต้องการในการขนส่ง
“ไปรษณีย์ไทยยังคงมุ่งมั่นช่วยเหลือทุกภาคส่วน
ให้เดินหน้าต่อไปได้ไม่สะดุดในทุกสถานการณ์โดยไม่มีวันหยุด ไม่ว่าจะจากภัยธรรมชาติ
โรคระบาด COVID-19 หรือสถานการณ์ทางสังคมที่อาจมีการหยุด/งดให้บริการขนส่ง โดยเฉพาะในช่วงปลายปีนี้ที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มมีการฟื้นตัว
และบางกิจกรรมจะเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ซึ่งเชื่อมั่นว่าในฐานะหน่วยงานด้านการสื่อสารและการขนส่งแห่งชาติที่กำลังขับเคลื่อนการดำเนินงานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
ผนวกกับความใกล้ชิดกับพี่น้องคนไทย รวมทั้งการเข้าถึงทุกพื้นที่จะเป็นตัวแปรที่สำคัญให้ทั้งภาคการค้า
ภาคการเกษตร ภาคสาธารณสุข และภาคส่วนอื่นๆ ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความต่อเนื่องมากกว่าที่ผ่านมา”
ดร.ดนันท์ กล่าวทิ้งท้าย