โดย นครินทร์ เทียนประทีป
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ยิบอินซอย จำกัด
เมื่อ
คูเบอร์เนเตส (Kubernetes)
ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มการจัดการแอปพลิเคชันแบบ คอนเทนเนอร์ หรือไมโครเซอร์วิสบนคลาวด์-เนทีฟซึ่งเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทำให้หลายองค์กรเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นถึงความปลอดภัยในการพัฒนาและส่งมอบแอปพลิเคชัน
การจัดการข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนสำหรับแอปพลิเคชันที่ทำงานแบบ Stateless และ Stateful และการตรวจติดตามเพื่อให้พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา
ประโยชน์ 7 ประการของการแบ็คอัพคูเบอร์เนเตส
1. ป้องกันกรณีการส่งมอบแอปพลิเคชันแบบคอนเทนเนอร์
ซึ่งมีข้อมูลส่วนประกอบของแอปพลิเคชัน (Application Component) ที่แตกต่างเข้าสู่การใช้งานไม่ให้ส่งผลกระทบต่อระบบข้อมูลของแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มเวอร์ช่วลแมชชีนอื่น
ๆ ที่ใช้งานอยู่เดิม
2. เสริมความปลอดภัยข้อมูลในขั้นการพัฒนาให้ครอบคลุมทุกส่วนประกอบของแอปพลิเคชันและอินฟราสตรัคเจอร์
เช่น CI/CD Pipeline ในช่วงการพัฒนา โค้ดจากนักพัฒนาที่รวบรวมเพื่อทำการทดสอบ
อินเตอร์เฟสในการเชื่อมแอปฯ เข้ากับข้อมูล (API)
สตอเรจและเซิร์ฟเวอร์ที่พร้อมรับปริมาณงานมาก ๆ (Load Balancer) เพื่อป้องกันทุกปัญหา อาทิ การตั้งค่าใช้งานผิดพลาดจนข้อมูลสำคัญสูญหาย
3. บรรเทาภาระงานของฝ่ายปฏิบัติ
(Operator) ด้วยการออกแบบเครื่องมือแบ็คอัพที่มีอินเทอร์เฟซในการป้อนคำสั่งใช้งาน
(CLI Access) การรับคำสั่งประมวลผลและส่งกลับ (API) หรือ แดชบอร์ด (Dashboard) ที่ง่ายต่อการใช้งาน
เพื่อความเข้าใจที่รวดเร็วต่อการจัดการทรัพยากรที่หลากหลายบนคูเบอร์เนเตสได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. รองรับการปรับ-ขยายแอปพลิเคชัน
หรือไมโครเซอร์วิสไปตามการใช้งานหรือกลุ่มการทำงานของคอมพิวเตอร์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยการแบ็คอัพจะต้องครอบคลุมการทำงานที่สัมพันธ์กันระหว่างแอปพลิเคชัน
ข้อมูล และคูเบอร์เนเตส ไม่ว่าจะอยู่บนกลุ่มคอมพิวเตอร์ใด หรือคลาวด์ประเภทใด
5. อุดช่องว่างด้านการป้องกัน
แม้คูเบอร์เนเตสจะถูกออกแบบให้พร้อมใช้งาน (High Availability) สามารถสร้างฐานจัดเก็บข้อมูลย่อย (Replication)
เพื่อให้แอปพลิเคชันทำงานต่อได้แม้ระบบโครงสร้างพื้นฐานบางส่วนเกิดขัดข้อง
แต่ก็ไม่ได้ตอบโจทย์กรณีข้อมูลโดนลบทั้งโดยไม่ตั้งใจหรือโดยไวรัสมุ่งร้ายแต่อย่างใด
6. เติมความปลอดภัยระบบจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานให้มากขึ้นด้วยแพลตฟอร์มแบ็คอัพต่าง
ๆ อาทิ การจัดการสิทธิในการเข้าใช้งาน (RBAC)
การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) การบริหารจัดการกุญแจเข้ารหัสข้อมูลของผู้ใช้หรือลูกค้า
(KMSs & CMEKs)
7. นำไปสู่การให้บริการข้อมูลที่หลากหลายในการสนับสนุนระบบอีโคซิสเต็มส์
เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นระหว่างการใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และการกู้คืนระบบให้เกิดผลดีกว่าเดิม
แบ็คอัพให้เวิร์คด้วยแพลตฟอร์ม Kasten K10 by Veeam
แพลตฟอร์ม Kasten K10 เน้นการจัดการในระดับแอปพลิเคชันแบบคอนเทนเนอร์ (Application-Centric) ที่อยู่ในกำกับดูแลของคูเบอร์เนเตสเป็นหลัก โดยอาศัยการทำ Data Management ในด้านของการทำแบ็คอัพและกู้คืน แอปพลิเคชันไปพร้อมกับการปกป้องข้อมูล แก้ไขและกอบกู้วิกฤตการณ์ให้เป็นไปตามข้อกำหนดในแผนสำรองทางธุรกิจ รวมไปถึงศูนย์สำรอง เพื่อให้การดูแลระบบของธุรกิจมีความมั่นคง และปลอดภัย โดยสามารถเคลื่อนย้ายใช้งานได้สะดวกระหว่างคลาวด์ รวมไปถึงแพลตฟอร์มต่างๆ ระบบที่ใช้งานในองค์กร หรือในกลุ่มการทำงานของคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ซึ่ง Kasten K10 by Veeam จะเป็นเครื่องมือช่วยดูแลข้อมูลสำคัญขององค์กร เพื่อให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้งาน application ผ่าน Kubernetes ได้อย่างมั่นใจ และที่สำคัญคือ สามารถใช้งานร่วมกับพันธมิตรทางเทคโนโลยีด้านคอนเทนเนอร์ชั้นนำ อาทิ RedHat OpenShift, VMware Tanzu, HPE Ezmeral, Nutanix Karbon ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
องค์กรที่ไม่อยากเผชิญความเสี่ยงทางธุรกิจ
จึงไม่ควรมองข้ามความปลอดภัยของคูเบอร์เนเตส
เนื่องจากแอปพลิเคชันแบบคอนเทนเนอร์และไมโครเซอร์วิสบนคลาวด์-เนทีฟ
ได้กลายเป็นอาวุธสำคัญในการดำเนินธุรกิจยุคดิจิทัลไปแล้ว