AIS ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ของปี 2564 โดยยังคงเดินหน้านำศักยภาพเทคโนโลยีโครงข่าย 5G เข้าสนับสนุนการเติบโตภาคส่วนต่างๆ
ของประเทศ ทั้งภาคการผลิต ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ ภาคสาธารณสุข การศึกษา
การท่องเที่ยว เพื่อให้เกิด Digital Ecosystem ที่สมบูรณ์
โดยมุ่งเน้นความสำคัญไปที่การวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อการทำงานทุกรูปแบบ
รองรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว รวมถึงการแข่งขันในโลกยุคใหม่ท่ามกลางโอกาสและความท้าทายอีกมากมาย
สมชัย เลิศสุทธิวงค์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า
“การทำงานของ AIS ตลอดทั้ง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนในการนำศักยภาพขององค์กรทั้งโครงข่ายเทคโนโลยีและบริการด้านดิจิทัลในการวางโครงสร้างพื้นฐานให้มีความครอบคลุมและพร้อมให้บริการมากที่สุด
เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อกับภาคส่วนต่างๆ
ของประเทศอย่างเป็นรูปธรรมและใช้งานได้จริง ทำให้วันนี้ภาคอุตสาหกรรม ภาคการผลิต
หรือแม้แต่ภาคธุรกิจ สามารถใช้เครื่องมือด้านดิจิทัลมาเสริมความได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
จนเกิดการขับเคลื่อนตั้งแต่ระดับฐานรากไปจนถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ”
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3
ของปี 2564 รายได้รวม อยู่ที่ 42,377 ล้านบาท เติบโต 1.6% เทียบกับปีก่อน
ในส่วนกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3 ของปีนี้ อยู่ที่ 6,374
ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564
เอไอเอสมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 3.3% จากปีก่อน มาอยู่ที่
130,995 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 20,059 ล้านบาท ลดลง 1.0% เทียบกับปีก่อน
โดยผลการดำเนินงานแยกตามรายธุรกิจดังนี้
·
ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีรายได้รอบ 9 เดือนลดลง 1.6% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 87,653 ล้านบาท
เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนตัวลงในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบใหม่
ประกอบกับการแข่งขันที่ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง สำหรับการเติบโตของผู้ใช้บริการ 5G
หลังจากที่ได้ขยายเครือข่ายครบ 77 จังหวัด
และมีความครอบคลุมกว่า 42% ของจำนวนประชากร
ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ 5G แล้วกว่า 1.5 ล้านราย และคงเป้าหมายฐานลูกค้าสู่ 2
ล้านรายภายในปีนี้
·
ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มีรายได้รอบ 9 เดือนเติบโตสูงที่ 20% เทียบกับปีก่อน ซึ่งในไตรมาส 3 ปี 2564 มีจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นสุทธิ 133,000 ราย
สูงที่สุดในรอบ 5 ไตรมาส
โดยปัจจุบัน AIS Fibre มีลูกค้ารวม 1,668,900 ราย และทะลุเป้าหมาย 1.6 ล้านครัวเรือน
ณ สิ้นปีนี้ ได้รับปัจจัยบวกจากการทำงานที่บ้าน (Work
from Home) และเรียนที่บ้าน (Learn from Home)
·
ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร ยังคงแข็งแกร่งและมีรายได้รอบ
9 เดือนเติบโตได้ดีที่ 16% เทียบกับปีก่อน จากความต้องการใช้บริการโซลูชันต่างๆ ทั้ง Cloud, Cybersecurity และ ICT solution เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอด
9 เดือนที่ผ่านมา พร้อมเปิดตัวบริการที่ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ
อย่างต่อเนื่อง เช่น การทำงานร่วมกับ OMRON เปิดตัวโซลูชันใหม่
Industry 4.0 ภาคการผลิตอัจฉริยะ Smart Manufacturing
เต็มรูปแบบ หรือแม้แต่การผนึกกำลังกับ AIS 5G
ผนึกกำลัง Mitsubishi Electric และ ทีเคเค ส่งเทคโนโลยี
Total Industrial Solution ด้วย e-F@ctory บนศักยภาพ 5G ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมและโรงงานการผลิตในประเทศ
และล่าสุดกับบริการด้าน Cyber Security ระดับโลกแบบครบวงจรสำหรับการใช้งานภายในองค์กรเพื่อตรวจจับและป้องกันภัยไซเบอร์ทุกรูปแบบ
ผ่านการทำงานร่วมกับ Palo Alto Networks
สมชัย อธิบายเสริมว่า “เห็นได้อย่างชัดเจนว่า AIS พยายามสร้างการเชื่อมต่อกับภาคส่วนต่างๆ
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อคนไทยในทุกมิติ โดยในไตรมาสที่ผ่านมาเราได้บรรลุข้อตกลงและลงนามในสัญญาร่วมทุนกับธนาคารไทยพาณิชย์
ในการจัดตั้งบริษัทในชื่อ “เอไอเอสซีบี” (AISCB) เพื่อให้บริการด้านการเงินดิจิทัล เช่น บริการด้านสินเชื่อ และบริการทางการเงิน
ที่ยังมีโอกาสและศักยภาพการเติบโตอีกมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านบริการดิจิทัลที่หลากหลายไร้ขีดจำกัด”
“เราเชื่อว่าโครงข่าย 5G ยังสามารถสร้างประโยชน์ให้กับประเทศได้อีกมหาศาล สิ่งที่
AIS ตั้งใจทำมาโดยตลอดหลังจากที่เราได้เปิดตัวการให้บริการ AIS
5G คือการนำประสบการณ์ใช้งานที่เหนือกว่ามาให้คนไทยได้สัมผัสภายใต้เป้าหมายการเป็นผู้นำด้าน
Digital Life Service Provider จนถึงวันนี้เรายังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องตามแผนการดำเนินงานเพื่อพัฒนาศักยภาพของ
5G ให้ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าทุกกลุ่ม
เพื่อให้ประเทศมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยีที่แข็งแรง
กลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมดิจิทัลที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก
สามารถใช้เป็นจุดแข็งของประเทศในการดึงดูดนักลงทุนสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน
พร้อมรับโอกาสใหม่ๆ หลังเปิดประเทศ” สมชัย กล่าวทิ้งท้าย