มาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม Wi-Fi กับโอกาสใหม่การให้บริการ Wi-Fi ภายใต้การกำหนด ระบุเวลาการันตี หรือกำหนดค่ามาตรฐานสำหรับการเชื่อมต่อ low latency โดยใช้ Wireless Time-Sensitive Networking หรือ WTSN โดยแนวคิดนี้มาจาก Cisco ที่มองว่าเป็นโอกาสของอุตสาหกรรม Wi-Fi ที่มีผลต่อเวนเดอร์ ถือเป็นโอกาสใหม่ของแวดวงเครือข่ายไร้สาย
ปกติแล้วการเชื่อมต่อ จะมีการกำหนด SLA ไว้ คือเป็นค่ามาตรฐานเข้มงวด อย่างเช่น Robotic และ Automation โรงงานผลิต manufacturing ล้วนแต่มีการเข้มงวดกับการการันตีการเชื่อมต่อให้สอดคล้องกับ SLA ซึ่งทาง Cisco มองว่านี่เป็นโอกาสในการผลักดันอุตสาหกรรม Wi-Fi ให้มีความน่าเชื่อถือในเรื่องของความเสถียรในการเชื่อมต่อ Wi-Fi โดยใช้ Wireless Time-Sensitive Networking หรือ WTSN โดย WTSN มาพื้นฐานบนมาตรฐาน OFDMA-capable บน Wi-Fi 6, Wi-Fi 6E และ Wi-Fi 7 ในอนาคต
เครือข่าย Private 5G มีการถูกนำมาใช้มากขึ้นและมีการพูดถึงอย่างหนาหูในระยะหลัง แต่นั่นก็ทำให้สะท้อนการเชื่อมต่อไร้สาย ที่ต้องการโซลูชั่นที่เหมาะสม โดยเฉพาะ Wi-Fi ที่ต้องการ time-sensitive ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้มากกว่าเดิม
Matt MacPherson CTO แผนก Wireless ของ Cisco มองว่า ในหลายอุตสาหกรรม เข้มงวดมากๆ ในเรื่อง SLA คือการควบคุมมาตรฐานความเร็วในการเชื่อมต่อ โดยเฉพาะการใช้งานในอุตสาหกรรมการผลิต ความเร็วในการเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย private 5G ไม่ได้ความเร็วตามที่คาดไว้ ในความเป็นจริงแล้ว 5G อาจจะช้าเกินไปสำหรับอุตสาหกรรม robotic ในบางประเภท ก็เลยเป็นโอกาสของ Wi-Fi-based WTSN เพื่อใช้เชื่อมต่อในบางอุตสาหกรรมในอนาคต จนถึงเวลาของ 6G
WTSN ต่อยอดแนวคิดของ Time-Sensitive Networking (TSN หรือ IEEE 802.1) ในการเชื่อมต่อไร้สาย โดยมีการการันตีบริการเชื่อมต่อไร้สาย ในขณะที่ Wi-Fi ที่ให้บริการในปัจจุบันและที่ผ่านมา มีความแกว่งของ latency และ jitter ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ในขณะที่ WTSN มีความสามารถในการเชื่อมต่อ latency ต่ำแบบ 1 ถึง 10 มิลลิวินาที ของเวลารับส่งข้อมูล
ภาระหน้าที่ของ WTSN คือบริหารการจัดคิวของการเชื่อมต่อระหว่าง Application และ Wireless LAN เชื่อมต่อถึงกัน แนวคิดคล้ายกับ Virtual Circuit ของตู้ ATM ระบบจะจองสล็อตเวลาในการเชื่อมต่อกับ Wi-Fi โดยแปะมือกัน จัดคิวกันรับส่งข้อมูล
ในมุมของ Cisco มองว่า เทคโนโลยี WTSN นั้นเป็นการเบิกทางให้กับตลาดใหม่ของ Wi-Fi ก่อนหน้านี่เรายังไม่มีเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบการเชื่อมต่อ Wi-Fi แต่ปัจจุบันเราใช้มาตรฐาน OFDMA-based Wi-Fi มาช่วย WTSN ทำให้ Wi-Fi เข้าใกล้คำว่า latency และ reliability ได้มากขึ้น และเชื่อได้ว่า WTSN จะนำไปสู่ประสิทธิภาพ ที่ดีกว่า private cellular ที่ยังมีบางข้อจำกัดของ private 5G อยู่
นอกจากนี้ WTSN ยังต่อยอดให้กับอุตสาหกรรมแว่น AR/VR หรืออุปกรณ์ wearable ที่ต้องการการรันตี latency ต่ำ ต้องมีการประมวลผลบน Cloud