พร้อมอีก 2 นวัตกรรมน่าจับตามอง Samsung Neo QLED TV และ รีโมททีวีพลังงานโซลาร์เซลล์
ด้วยความไอคอนิกของ Samsung Galaxy Z Flip3 5G ที่มี
ฟอร์มแฟกเตอร์แบบพับได้ ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้สร้างความโดดเด่นและแตกต่างตั้งแต่แรกเห็น ล่าสุดนิตยสารไทม์ (TIME) เผยรายชื่อผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น โดยในปีนี้ นิตยสารไทม์ ได้ทำการคัดเลือก 100 สิ่งประดิษฐ์เปลี่ยนโลก (The Best Inventions of 2021 – 100 innovations changing how we live) จากการเสนอชื่อโดยเหล่าบรรณาธิการและผู้สื่อข่าวของนิตยสารไทม์จากทั่วโลก[1] ก่อนจะพิจารณาในหลากหลายแง่มุม ทั้งในด้านความคิดริเริ่ม (Originality) ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ประสิทธิภาพ (Efficacy) ความมุ่งมั่น (Ambition) และผลกระทบของผลิตภัณฑ์ต่อสังคม (Impact)
จากขนาดตัวเครื่องของ Samsung Galaxy Z Flip3 5G ที่เล็กกะทัดรัดเข้ากับเทรนด์ของคนยุคใหม่ที่เน้นของไซส์จิ๋ว หรือมีความ ‘มินิ’ มากขึ้น ฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานโซเชียลมีเดียยอดฮิต จากการวางตั้งเพื่อทำหรือรับชมคอนเทนต์ได้ทุกที่ทุกเวลา รวมถึงสีสันของตัวเครื่องที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย หรือจะปรับแต่งตามใจก็ทำได้ตามแต่จินตนาการและรสนิยมของแต่ละคน
ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวที่ตอบโจทย์ได้ครบทั้งในแง่ฟังก์ชัน
(Function) แฟชั่น
(Fashion) และการสะท้อนอัตลักษณ์แต่ละบุคคล (Personalization)
สมกับการที่นิตยสาร TIME ได้เลือกให้ Samsung Galaxy Z Flip3 5G เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเดียวของปี 2021 ที่เป็นหนึ่งใน 100 สิ่งประดิษฐ์เปลี่ยนโลก ภายใต้หมวดหมู่เทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อผู้บริโภค
(Consumer Electronics) จากทั้งหมด 100 ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม
ใน 26 หมวดหมู่
ด้วยเหตุผลทั้ง เรื่อง ‘ราคา’ กับการเปิดตัวที่ต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราคาเริ่มต้นในไทยที่ 34,900 บาท ทำให้ Samsung Galaxy Z Flip3 5G ถือเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้รุ่นแรกที่เปิดโอกาสให้คนได้เข้าถึงยุคใหม่ของนวัตกรรมสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
ซึ่งถือเป็นการสร้างสีสันครั้งยิ่งใหญ่ พร้อมสร้าง
ความสั่นสะเทือนให้กับตลาดสมาร์ทโฟนแฟลกชิปในรอบหลายปีเลยทีเดียว
นอกจากกลุ่มสมาร์ทโฟนแล้ว
ยังมีอีก 2 ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่ได้รับการยอมรับในฐานะสิ่งประดิษฐ์ที่น่าจับตามอง
(Special Mention) ได้แก่ Samsung
QN90A Neo QLED 4K Smart TV กับเทคโนโลยีที่เป็นหัวใจสำคัญของ
Neo QLED อย่าง Quantum Mini LED ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าหลอด
LED ปกติถึง
40 เท่า ทำให้สามารถจัดวางต้นกำเนิดแสงได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้ LCD
Panel ไม่จำเป็นต้องใช้เลนส์ครอบหลอด ดังนั้น ภาพที่ได้จึงปราศจากการอาการ Blooming
ทำให้ได้ภาพที่มีคอนทราสต์ของแสงและเงาที่สมบูนณ์แบบ มีความสว่างถึง 12–bit
(4096 steps) และเงาที่ดำสนิท นอกจากนี้ฟีเจอร์ AI Upscaling จากขุมพลัง Neo
Quantum Processor ยังช่วยยกระดับสัญญาณภาพความละเอียดต่ำให้คมชัดยิ่งขึ้น
จึงช่วยสร้างประสบการณ์การรับชมที่สมจริงจากทุกองศาได้อีกด้วย
สำหรับ รีโมททีวีพลังงานโซลาร์เซลล์
(Samsung Eco Remote) ก็ได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมากเช่นกัน
ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงภารกิจของซัมซุงในการนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งความยั่งยืนให้กับผู้บริโภค
โดยรีโมทรุ่นนี้จะติดตั้งโซลาร์เซลล์ ที่สามารถชาร์จพลังงานได้จากแสงภายในและภายนอกอาคาร รวมถึงสาย
USB ทำให้ลดการใช้ถ่าน AA ได้ถึง 99 ล้านก้อนตลอด 7 ปีซึ่งเป็นอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ พร้อมลดการสร้าง
ก๊าซเรือนกระจกถึง 2,100 ตัน
รวมถึงป้องกันไม่ให้โลหะปนเปื้อนลงไปในดินและแหล่งน้ำใต้ดิน
ซัมซุงยังคงไม่หยุดยั้งเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์
เพื่อนำเสนอนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยเปลี่ยนโลกและทำให้ชีวิตของทุกคนง่ายขึ้นกว่าที่เคย
ด้วยความยึดมั่นในปรัชญาของแบรนด์ที่ว่า ‘Do What You Can’t’ ไม่มีอะไรที่เทคโนโลยีทำไม่ได้
ถ้าเรากล้าที่จะจินตนาการไปให้ถึง