“จากสถานการณ์โควิด-19 ผนวกกับความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ที่ตอบโจทย์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ผลักดันให้กระแสอีคอมเมิร์ซทะยานถึงขีดสุด อย่างไรก็ตามหลังจากที่ไม่ได้ออกไปไหนและต้องทำงานที่บ้านมาเกือบสองปี
ลูกค้าต่างให้การตอบรับกันเป็นอย่างดี เมื่อศูนย์การค้ากลับมาเปิดให้บริการในเดือนกันยายนที่ผ่านมา
โควิด-19 ทำให้เราคิดถึงความสุขของการเลือกซื้อสินค้าในโลกออฟไลน์
ในฐานะลูกค้า เราต่างใช้ชีวิตอยู่ในโลกทั้งสองใบนี้ไปพร้อม ๆ กัน จึงเรียกได้ว่า การเชื่อมช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ที่เป็นดั่ง
“โลกคู่ขนาน” ได้หยั่งรากลึกลงในกลยุทธ์และแนวคิดของสยามพิวรรธน์ในทุกวันนี้”
นายอริยะ กล่าวเสริม
แพลตฟอร์มใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวภายใต้กลยุทธ์โลกคู่ขนาน
มี 4 องค์ประกอบที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน ดังนี้
1.
ผนึกร้านค้า คู่ค้า พันธมิตรและแบรนด์ที่หลากหลาย : คือ
ดีเอ็นเอและหัวใจความสำเร็จที่สามารถดึงดูดลูกค้าที่มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยและสร้างความแตกต่างให้กับสยามพิวรรธน์ ซึ่งนับตั้งแต่การเปิดตัว Ultimate Chat
& Shop เมื่อเดือนเมษายน 2564
ซึ่งเป็นช่วงโควิด-19 ระลอก 4
ทำให้เราพบว่าลูกค้ามียอดใช้จ่ายออนไลน์สูงกว่ายอดซื้อปกติในประเทศไทยโดยเฉลี่ยถึง
9-10 เท่า โดยในอนาคตอันใกล้
สยามพิวรรธน์มีแผนจะดึงแบรนด์และคู่ค้าระดับพรีเมียมและลักชัวรีอีกมากมายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว
2.
ชูธงสร้างคอมมูนิตี้ที่คัดสรรความพิเศษมาให้โดยเฉพาะ : สยามพิวรรธน์จะสร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกอีกครั้ง
ผ่านการนำเสนอคอนเทนต์มากกว่า 3,000 คอนเทนต์ในแต่ละเดือน ในคอมมูนิตี้ออนไลน์แพลตฟอร์มที่สร้างบนความสนใจของลูกค้าให้ได้รู้ก่อนใคร
ผสานการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าแบบบูรณาการ (Loyalty Program) เชื่อมออฟไลน์ - ออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
สยามพิวรรธน์เชื่อในการสร้างคอนเทนต์
สร้างความผูกพันกับลูกค้าเพื่อให้มาจับจ่ายกับแบรนด์ต่าง ๆ
ในศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์ ไม่ใช่เพราะส่วนลด แต่เป็นเพราะแบรนด์เหล่านี้เป็นแบรนด์โปรด
หรือแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจ เช่น ลูกค้าต้องการอะไร เทรนด์ มิกซ์แอนด์แมตช์ หรือการดูแลตัวเองอย่างไร
ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เกี่ยวโยงและขึ้นอยู่กับคอมมูนิตี้เป็นสำคัญ
3.
เชื่อมประสบการณ์โลกคู่ขนาน : ลูกค้าที่มีกำลังย่อมมองหาประสบการณ์ที่ถูกคัดสรรมาแล้วอย่างพิถีพิถัน
ดังนั้น การเข้าไปอยู่ในใจลูกค้ากลุ่มนี้จึงไม่ใช่การมีสินค้านับหมื่นรายการ
แต่ต้องมีสินค้าที่พวกเขาต้องการ ซึ่งอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์
นั่นคือต้องอาศัยศิลปะในการสื่อสารและนำเสนอสินค้าที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ และอาศัยนวัตกรรมเทคโนโลยี
เพื่อนำเสนอคอนเทนต์และสินค้าเฉพาะบุคคล แพลตฟอร์มที่กำลังจะเปิดตัวนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ลูกค้าค้นพบแบรนด์
สินค้า และประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังเชื่อมต่อโลกออฟไลน์สู่โลกออนไลน์ไว้ในมือคุณ ทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แตกต่างและเงินซื้อไม่ได้ ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยสยามพิวรรธน์มีแผนเตรียมขยายศักยภาพของการเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนจริงด้วย
Metaverse
ในอนาคต
4.
นำเสนอระบบรีวอร์ดที่ไร้ขีดจำกัด : สยามพิวรรธน์ยกระดับ Loyalty
Program พร้อมเริ่มใช้ VIZ Coins เพื่อยกระดับประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้า
ณ ร้านค้าที่เข้าร่วมรายการภายในศูนย์การค้า บนช่องทางออนไลน์ และเป็นทางเลือกให้ลูกค้าเปลี่ยนคะแนนในบัตรเครดิต
เพื่อเพลิดเพลินไปกับสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม
แพลตฟอร์มใหม่นี้พัฒนาจากความร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่มต่าง
ๆ ดังต่อไปนี้
•
พัฒนาร่วมกับคู่ค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ตรงกับจุดยืนของแบรนด์
•
พัฒนาร่วมกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยี เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของแพลตฟอร์ม
ข้อมูล และโปรแกรมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
• พัฒนาร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังต่าง ๆ เพื่อสร้างคอนเทนต์สำหรับแต่ละคอมมูนิตี้
อักเซล วินเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัล
บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “เป้าหมายหลักของสยามพิวรรธน์คือการเป็น
ผู้นำตลาดในการบุกเบิกโมเดลธุรกิจใหม่ สร้าง “ระบบนิเวศดิจิทัล”
เพื่อขยายตลาดให้เข้าถึงลูกค้าใหม่ที่มีความหลากหลาย เร่งการเติบโตแบบก้าวกระโดด
และครองความเป็นหนึ่งในใจลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ สยามพิวรรธน์
ได้ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ซึ่งล่าสุดได้จับมือ ZIPMEX ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล
เปิดให้ลูกค้าสามารถใช้ ZIPMEX Token เป็นเครื่องมือในการแลกเป็นสินค้าหรือบริการที่จับต้องและสัมผัสได้จริง
พร้อมเดินหน้าสร้างโปรแกรมเชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้า
ผ่านการมอบประสบการณ์ที่เสริมคุณค่าและอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต รวมทั้งได้ร่วมมือกับ
KX ในการเปิดตัว Coral แพลตฟอร์ม NFT
Marketplace ที่จะร่วมกันสร้างนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอด
ทั้งในด้านศิลปะ วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์
และสร้างสุดยอดประสบการณ์ให้กับลูกค้าทั้งคนไทยและต่างประเทศ
โดยใช้พื้นที่ของสยามพารากอน และไอคอนสยาม ในการจัดทำ NFT Innovation
Digital Wall ให้ผู้ที่มาเยือนศูนย์การค้าได้เข้าชม NFT Art ได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนั้น สยามพิวรรธน์ ยังได้จับมือกับ Perx
Technologies ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ เพื่อร่วมกันพัฒนาสร้างสรรค์ประสบการณ์แปลกใหม่บนโลกดิจิทัลที่จะขยายฐานลูกค้าของกลุ่มสยามพิวรรธน์
ซึ่งปัจจุบันเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศให้กว้างไกลยิ่งขึ้นทั่วโลก
ผ่านกลุ่มพันธมิตรร้านค้าและคู่ค้า (Global Partners) ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าจะได้รับประโยชน์เต็มอิ่ม
กับสิทธิประโยชน์เหนือระดับภายใต้ Loyalty Program ที่ Personalized
เป็นเสมือนเพื่อนที่รู้ใจ พร้อมเสริมความสนุกเร้าใจกับการจับจ่ายใช้สอยผ่านเกมมิฟิเคชัน
(Gamification) ที่จะทำให้ทุกคนได้โลดแล่นไปกับประสบการณ์ที่แตกต่างและเงินซื้อไม่ได้
เรายังเตรียมประกาศเปิดตัวพันธมิตรใหม่
พร้อมทัพคนดิจิทัลที่จะมาร่วมสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง และน่าตื่นตาตื่นใจให้กับลูกค้าอย่างแน่นอน”
“การขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ปัจจัยสำคัญ คือการสร้างทัพทีมงานที่แข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง และเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับคุณอริยะ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญระดับโลกหลายบริษัท ที่มาช่วยสยามพิวรรธน์ขับเคลื่อนแผนงานดิจิทัล และนวัตกรรม สยามพิวรรธน์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนและเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำทีมในช่วงเปลี่ยนผ่านของธุรกิจ ได้แสดงศักยภาพ และท้าทายความสามารถของตนเองในแบบที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ผ่านการทำงานในรูปแบบโครงการธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ ที่ผู้ร่วมงานสามารถบริหารจัดการได้อย่างคล่องตัว และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว (Self-Directed Team) พร้อมทั้งได้เรียนรู้และลงมือทำงานที่แปลกใหม่ในทุก ๆ วัน ได้ใกล้ชิดกับพันธมิตรองค์กรใหญ่ แบรนด์ดังระดับโลก และผู้เชี่ยวชาญจากทุกสาขา เพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ และมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลก การได้เข้าร่วมงานกับสยามพิวรรธน์จะเป็นเวทีให้คนรุ่นใหม่ที่อยากเติบโตแบบก้าวกระโดด ได้ทำในสิ่งที่พิเศษแบบครั้งหนึ่งในชีวิต และร่วมสร้างผลงานที่จะเป็น Talk of the world พร้อมเปิดรับประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างไปจากที่อื่น” อักเซล กล่าวปิดท้าย
ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวของโลกที่ผู้คนกำลังปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
สยามพิวรรธน์เชื่อมั่นว่าคุณค่าและประสบการณ์บนโลกออฟไลน์ยังคงเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหาและขาดไม่ได้
การนำเสนอนวัตกรรมใหม่ในรูปแบบ สยามพิวรรธน์ จึงเป็นการเชื่อมโลกออฟไลน์สู่ออนไลน์อย่างไร้รอยต่อ
และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนอย่างครบวงจร
ทั้งในเรื่องความสะดวกสบายและการสร้างคุณค่า ซึ่งจะช่วยเติมเต็มชีวิตยุคใหม่แห่งโลกอนาคตได้อย่างแท้จริง เตรียมพบกับการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ต้นเดือนธันวาคมนี้
ที่ชูธงด้านการสร้างคอมมูนิตี้ผสานการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าแบบบูรณาการ (Loyalty Program) ด้านโซเชียลและอีคอมเมิร์ซ (Social
and E-Commerce) และต่อยอดสู่ฟินเทคในอนาคต