เมื่อพูดถึงซัมซุง หลายคนคงนึกถึงบริษัทเจ้านวัตกรรมระดับโลกจากประเทศเกาหลีใต้ ผู้คิดค้นและผลิตอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ชั้นนำ แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้คือบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้ได้เลือกประเทศไทยเป็นฐานที่ตั้งของโรงงานผลิตแห่งแรกนอกประเทศเกาหลีใต้ โดยตั้งอยู่ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ปัจจุบันมีพนักงานรวมกว่า 4,000 คน และเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ได้ฉลองครบรอบ 32 ปีแห่งการขับเคลื่อนธุรกิจในประเทศไทย พร้อมครองตำแหน่งฐานการผลิตหลักของเครื่องใช้ไฟฟ้าซัมซุงสู่ทั่วโลก
ปัจจุบัน ไทยซัมซุงฯ ถือเป็นฐานการผลิตเครืองใช้ไฟฟ้ามีกำลังผลิตสูงสุดใน 28 ประเทศทั่วโลก และมีจำนวนประเภทสินค้า (SKU) มากที่สุด แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เตาอบ และเครื่องล้างจาน โดยมีกำลังการผลิตรวมสูงถึง 10 ล้านยูนิตต่อปี คิดเป็นสัดส่วนสินค้าส่งออกถึง 90% เรียกได้ว่ากว่าครึ่งหนึ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้าซัมซุงในครัวเรือนทั่วโลกถูกผลิตและส่งออกจากโรงงานแห่งนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มเตาอบและเครื่องล้างจานที่ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกเพียงรายเดียวในโลก
จุนฮวา ลี ประธาน บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ไทยซัมซุงดำเนินธุรกิจเคียงคู่ประเทศไทยมาแล้วกว่า 32 ปี นับเป็นบริษัทสาขาที่ดำเนินกิจการนอกประเทศเกาหลีใต้ยาวนานที่สุด ซึ่งการที่เราสามารถพัฒนาและเติบโตอย่างมั่นคงดังเช่นทุกวันนี้ เกิดขึ้นจากแรงสนับสนุนอย่างดีของคนไทย ทั้งจากผู้บริโภค พนักงาน พาร์ทเนอร์ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ที่ให้ความไว้วางใจและมอบโอกาสให้เราเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา เราขอขอบคุณทุกท่านด้วยความจริงใจ พร้อมให้คำมั่นสัญญาในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความใส่ใจ ส่งเสริมพลังคน เดินหน้าสร้างคุณค่าบนรากฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมไทย”
ตลอด 32 ปีที่ผ่านมา บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (โรงงานศรีราชา) มีมูลค่าการลงทุนในประเทศไทยรวมแล้วกว่าห้าแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจของประเทศมาอย่างยาวนาน แต่ที่มากไปกว่านั้น คือการสร้างโอกาสการจ้างงาน สร้างรายได้หมุนเวียนที่สู่ 4,000 ครอบครัว รวมถึงพนักงานจากบริษัทคู่ค้าอีกกว่า 50,000 คนทั่วประเทศ พร้อมให้การสนับสนุนชุมชนทั้งในเชิงโครงสร้างและองค์ความรู้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างยั่งยืน
ซัมซุงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมศักยภาพของบุคลากรในทุกระดับ โดยทุ่มงบราว 10 ล้านบาทต่อปีในการสนับสนุนนโยบายเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา (Learning & Development) มีการจัดอบรมต่อยอดทักษะในด้านต่างๆ ตามสายอาชีพอยู่เสมอ เช่น ทักษะความเป็นผู้นำสำหรับระดับหัวหน้างาน หรือทักษะด้านวิศวกรรมและปฏิบัติการสำหรับช่างเทคนิค โดยพนักงานจะได้รับเงินพิเศษค่าทักษะเพิ่มเมื่อผ่านการสอบประเมินทุก 6 เดือนอีกเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีโครงการส่งพนักงานไปแลกเปลี่ยนความรู้และศึกษางานจากสำนักงานใหญ่ที่ประเทศเกาหลีใต้และบริษัทสาขาอื่นๆ รวมถึงจัดกิจกรรมแข่งขันทักษะภายในเพื่อคัดเลือกผู้ชนะไปแข่งขันในระดับภูมิภาค เป็นการสร้างแรงบันดาลใจและความภาคภูมิใจแก่พนักงานทุกคน
และด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง พร้อมเปิดรับไอเดียใหม่ๆ จากพนักงานทุกคนอยู่เสมอเพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับกระบวนการผลิตหรือการจัดการอื่นๆ ภายในโรงงานได้อย่างอิสระ จึงทำให้ไทยซัมซุงแห่งนี้ไม่เคยหยุดพัฒนาตลอด 32 ปีที่ผ่านมา
ซัมซุงได้พิสูจน์แล้วว่า การดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการบริหารทรัพยากรบุคคลด้วยความใส่ใจในทุกมิติ คือรากฐานสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน เห็นได้จากวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นดูแลสวัสดิภาพของพนักงานเป็นอันดับหนึ่ง สร้างความเชื่อมั่นและแรงจูงใจด้วยสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย เท่าเทียมและเป็นธรรม จนได้รับยกย่องเป็น “Factory of Choice” จาก Responsible Business Alliance (RBA) เพียงหนึ่งเดียวของอุตสาหกรรมอิเลคโทรนิคส์ในประเทศไทย ซึ่งเกณฑ์ของรางวัลดังกล่าวนั้นครอบคลุมถึงการดูแลพนักงานอีกกว่า 50,000 คน จากบริษัทคู่ค้าทั้งหมดของซัมซุงในมาตรฐานเดียวกันอีกด้วย
ในฐานะองค์กรใหญ่ ซัมซุงได้ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือพาร์ทเนอร์รายย่อยในประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้ชัดในช่วงวิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ ที่ทางซัมซุงได้เข้าไปดูแลบริษัทคู่ค้าที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มกำลัง ช่วยเสริมกำลังทั้งในเรื่องบุคลากรและกระบวนการผลิต พร้อมให้คำแนะนำด้านการจัดการในสถานการณ์โรคระบาด จึงทำให้ทุกภาคส่วนในระบบห่วงโซ่อุปทานสามารถจับมือเดินหน้าเอาชนะวิกฤติร่วมกันมาได้ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตามค่านิยมหลักขององค์กรหรือ “Co-prosperity” ที่ซัมซุงยึดถือมาโดยตลอด ควบคู่ไปกับวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งพัฒนาสู่ความเป็นเลิศอย่างไม่หยุดนิ่ง จึงทำให้ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ แห่งนี้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ขับเคลื่อนธุรกิจเคียงคู่ประเทศไทยด้วยความใส่ใจตลอด 32 ปี